วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

การเพาะเลี้ยงไส้เดือนครับ (เป็นอาชีพได้เลยนะครับ)





การเลี้ยงไส้เดือนดินในชั้นพลาสติกเหมาะสำหรับการเลี้ยงไว้ ในในที่กำจัดเช่น บ้านพัก ที่อยู่อาศัย เพราะมีความสะดวก จัดตั้งง่าย สามารถนำไปวางไว้มุมไหนของบ้านก็ได้ที่ปราศจากสิ่งรบกวนต่างๆ หรือศัตรูของไส้เดือนเดือน และยังหาซื้อได้ง่าย จัดเก็บและทำความสะอาดง่าย ไม่เปลืองพื้นที่

- ปัจจุบันที่จำหน่ายชั้นสำหรับเลี้ยงไส้เดือนดิน หรือที่เรียกว่าคอนโดไส้เดือน สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ราคาไม่แพง นำมาเจาะรูระบายอากาศ ตามจำนวนชั้นที่ต้องการเลี้ยงไส้เดือน และเจาะรูระบายอากาศด้านบน


ภาพที่ 2
- นำมาเจาะรูระบายอากาศ จำนวน 3 ชั้น และเจาะรูระบสยอากาศด้านบน เว้นชั้นล่างหรือชั้นที่ 4 เพื่อไว้รองรับน้ำหมักจากเศษอาหารและที่ไส้เดือนขับถ่ายสามารถนำมาเป็นปุ๋ย ชั้นดี รดต้นไม้ ปัจจุบันมีการจำหน่ายกันราคาค่อนข้างสูง


ภาพที่ 3
- นำวัสดุมาทำเป็นที่อยู่ของไส้เดือนดินหรือที่เรียกว่า Bedding วัสดุที่ใช้สำหรับทำ Bedding ควรเป็นวัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี มีความพรุน เช่นกากใยมะพร้าว ผสมมูลวัวแห้ง รดน้ำพอชุ่ม โดยใส่ไว้ในลิ้นชัก 1/4 ของลิ้นชัก ทั้ง3 ชั้น หลังจากนั้นนำพันธุ์ไส้เดือนดินมาใส่ประมาณ 100-200 ตัวต่อชั้น


ภาพที่ 4
อาจ หากระดาษกล่องแช่น้ำใส่ลงไป เพื่อเป็นที่อยู่และอาหารของไส้เดือนแต่ไม่ควรแห้งหรือเปียกกันเกินไป ทั้งนี้เพื่อป้องกันไส้เดือนหนีและใช้หลบภัย


ภาพที่ 5
หลัง จากนั้นก็ตามด้วยอาหารประเภทอินทรียวัตถุ เศษผัก ผลไม้ เหลือของเหลือ อินทรียวัตุภายในครัวเรือนหรือเป็นอาหารสำหรับไส้เดือนและเพื่อให้ไส้เดือน ย่อยสลายเป็นปุ๋ยไส้เดือนดินนำมาใช้ประโยชน์ได้อีก

ลองใช้เป็นแนวทางดูนะครับ อาจจะเลี้ยงไว้เพียงเล็กน้อย เพื่อการนำไปตกปลา หรือหากจะทำเป็นอาชีพก็ได้เลยนะครับ เพราะในปัจจุบัน ไส้เดือนมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 350 บาท เลยทีเดียว

หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์ให้ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ

การตกปลาด้วยเหยื่อปลอมกับการตั้งค่าเบรก


เรื่องราวของการตกปลาเหยื่อปลอม มีอะไรมากมายที่น่าพูดถึง มีหลายต่อหลายอย่างที่นักตกปลาส่วนใหญ่ที่มีความชำนาญมากๆแล้ว หลายคนอาจจะจะมองข้ามทริคบางอย่างไปเลย เพราะเขามีความชำนาญและประสบการณ์ในการตกปลามามาก แต่ในวันนี้ขออนุญาติเอา เรื่องเก่าๆ ทริคธรรมดาๆ ที่หลายท่านอาจจะรู้แล้วมาเล่าสู่กันฟังกับเพื่อนนักตกปลาบางท่านที่อาจจะ ยังไม่เคยผ่านตากับเรื่องราวเล็กๆ อย่างเช่นเรื่องของการตั้งค่าเบรกของรอกเพื่อการตกปลาด้วยเหยื่อปลอม

การตกปลาด้วยเหยื่อปลอมกับการตั้งค่าเบรก

บางคนสงสัยว่า การตั้งค่าเบรกมันไม่น่าจะมีอะไรตายตัว และมันจำเป็นขนาดที่จะต้องสนใจมันด้วยหรือ ที่จริงแล้วการตั้งค่าเบรกนี่แหล่ะคือเรื่องธรรมดาๆ ที่มีส่วนทำให้นักตกปลาพลาดการได้ปลาหรือไม่ได้ตัวปลาหลังจากการชาร์จเหยื่อ ของปลาแล้ว


คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ การตั้งค่าเบรกแข็ง ปานกลาง หรืออ่อน เอาไว้ก่อนมันจำเป็นกับการตกปลาด้วยเหยื่อปลอมไหม?

คำตอบ คือ จำเป็น เพราะว่านักตกปลาควรจะตั้งค่าของเบรกให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งในที่นี้เราหมายถึงการตั้งค่าเบรกจากรอกรอเอาไว้ก่อนที่ปลาจะเข้าชาร์จ เหยื่อ

ตรรกะที่ว่านักตกปลาไม่สามารถจะทราบได้ว่าปลาที่จะเข้าชาร์จเหยื่อนั้นจะ ชาร์จเหยื่อแรงขนาดไหน ปลาที่เข้าชาร์จเหยื่อจะมีไซส์ขนาดใด ใหญ่หรือเล็ก อาจจะไม่จริงเสมอไป เพราะรุปแบบการตกปลาประเภทต่างๆ ด้วยเหยื่อปลอมแบบต่างๆ ในปัจจุบันและผลจากการวิจัย ทั้งจากนิสัยของปลา การล่าเหยื่อในแต่ละเวลาและสภาพอากาศของปลา สามารถทำให้นักตกปลาคาดคะเนได้ว่า เหยื่อประเภทไหนที่มีโอกาสที่จะพบการชาร์จเหยื่ออย่างรุนแรงของปลา ดังนั้นการตั้งค่าเบรกที่เหมาะสมที่สุดกับสภาวะการตกปลาของคุณจึงนับว่าเป็น เรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

การตกปลาล่าเหยื่อ ไม่ใช่ปลาทุกประเภทจะชาร์จเหยื่อแรงเหมือนกันไปหมด ปลาช่อนก็อย่างหนึ่ง ปลาชะโด ปลากระสูบ ปลากะพงก็อย่างหนึ่ง หรือปลากรายหรือปลาอื่นๆก็มีลักษณะการชาร์จที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว
ปลาประเภทเดียวกันแท้ๆ แต่ลักษณะการชาร์จเหยื่อใต้น้ำ กับชาร์จเหยื่อผิวน้ำ ก็ยังเข้าชาร์จด้วยความแรงที่แตกต่างกันออกไป

ในการตีเหยื่อปลอมหมายเดียวกัน นักตกปลาไม่สามารถกำหนดเจ้าตัวปลายสายได้ว่าจะเป็นปลาอะไรมากิน เหยื่อปลอม เพราะในหมายธรรมชาติ เรื่องผิดคิวเกิดสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ทั้งหมดนี้จึงเป็นคำตอบที่ว่า นักตกปลาควรจะตั้งค่าเบรกแบบไหนล่ะที่เหมาะสมที่สุดกับการใช้งาน

การตั้งค่าเบรก อาจจะตั้งค่าให้เหมาะสมโดยใช้สภาพหมายหรืออุปกรณ์เป็นตัวกำหนด

1. การตั้งค่าเบรกให้เหมาะสมกับการสภาพหมาย
2. การตั้งค่าเบรกให้เหมาะสมกับอุปกรณ์



1. การตั้งค่าเบรคให้เหมาะสมกับสภาพหมาย


สภาพหมายธรรมชาติ
การตกปลาล่าเหยื่อในหมายธรรมชาติ เช่น เขื่อน ทะเล หรือการตกปลาบนเรือ ในหมายธรรมชาตินักตกปลาส่วนมากจะเลือกใช้อุปกรณ์ที่มี ขนาดใหญ่ ดังนั้นการตั้งค่าเบรกควรจะค่าให้อยู่ในระดับที่แข็งพอสมควร แต่ให้พอที่ปลาจะลากสายออกไปได้ เนื่องจากนักตกปลามีโอกาสที่จะพบกับการการ ชาร์จเหยื่อของปลาในหมายธรรมชาติที่ค่อนข้างรุนแรงถึงรุนแรงมาก การตั้งค่า เบรคควรตั้งอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างแข็งเอาไว้ก่อน และไม่ควรตั้งเบรกอ่อนแล้วค่อยปรับเอาภายหลังจากการชาร์จหรือวัดปลา เพราะปลาที่ชาร์จเหยื่อปลอมมีโอกาสเข้าชาร์จเหยื่อด้วยความเร็วและสปริ๊นท์ ออกไปสุดแรงที่เราเรียกว่ากระชากนั้น การสปริ๊นท์และการกระโดดขึ้นเหนือน้ำ ของปลาล่าเหยื่อนี่แหล่ะที่หากนักตกปลาไม่ได้ตั้งค่าเบรกที่เหมาะสมไว้แต่ แรก โอกาสแห่งความผิดพลาดและไม่ได้ตัวปลาจะมีเปอร์เซ็นต์ขึ้นสูงมากขึ้น ดัง นั้น การตกปลาในเขื่อนหรือหมายธรรมชาตินักตกปลาควรตั้งค่าเบรกจากรอกในระดับที่ ค่อนข้างแข็งเอาไว้ก่อนที่ปลาจะเข้าชาร์จจะเหมาะสมที่สุด

สภาพหมาย บึง หนอง หรือหมายที่มีสภาพรกร้าง
การตั้งค่าเบรกในสภาพหมายเช่นนี้ นักตกปลาควรตั้งค่าเบรกให้แข็งพอสมควรเช่นกัน เพราะในหมายที่มีพื้นที่รก อุปสรรคใต้น้ำเยอะ การเอาตัวปลาขึ้นจึงเป็นเรื่องยากตามมา นักตกปลาที่มีความชำนาญจึงมักจะใช้ วิธีการสู้ปลาด้วยงัดปลาขึ้นสู่ผิวน้ำให้ได้เร็วที่สุดเพื่อควบคุมปลาให้พ้น จากสวะใต้น้ำและเอาปลาเข้าฝั่ง ในช่วงเวลาของการสู้ปลาในสภาพหมายที่เลวร้ายนี้ นักตกปลาจะต้องอาศัยการตัดสินใจที่รวดเร็ว อุปกรณ์ที่ไว้ใจได้และการกำหนดค่าของเบรกจากรอกนี่แหล่ะสำคัญมาก ถือว่าเป็นปัจจัยชี้ขาดของการได้ปลากันเลยทีเดียว

ภายหลังการเข้าชาร์จของปลา การตั้งค่าเบรกในรอกให้แข็งไว้ก่อนที่ปลาจะ ชาร์จจะให้ทำให้ปลาลากสายออกไปได้ยากและโอกาสที่ปลาล่าเหยื่อจะมุดก็จะมี น้อยลง การอัดปลาเพื่อให้ปลาขึ้นสู่ผิวน้ำจะทำได้อย่างต่อเนื่องหากนักตก ปลาตั้งค่าเบรกไว้เหมาะสมแต่แรก การตกปลาจากฝั่งที่จำเป็นต้องงัดปลาเข้า ฝั่งไปพร้อมๆกับสวะหรืออุปสรรคบริเวณริมตลิ่ง แรงงัดของคันจะถูกกำหนดโดย ค่าเบรกที่เราตั้งไว้ หากตั้งค่าเบรคให้แข็งจนสายไม่สามารถจะออกจากรอกได้ อย่างสะดวกแล้ว เพาเวอร์จากคันเบ็ดก็จะช่วยงัดทั้งปลาและสวะต่างๆให้เข้าฝั่งได้ง่าย ขึ้น แต่หากเบรกแข็งมากเกินไปจนคันออกแรงงัดสูง ความเสี่ยงและโอกาสที่จะสายจะขาดก็มีมากขึ้นตามมาเช่นเดียวกัน ดังนั้นใน หมายที่รกร้าง พื้นที่แคบ และหมายมีสภาพเลว ข้อจำกัดเหล่านี้ ทำให้นักตกปลาที่มีความชำนาญจะเลือกการตั้งค่าเบรกให้แข็งพอสมควร เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียปลาหลังจากที่ปลาชาร์จเหยื่อ



2. การตั้งค่าเบรกให้เหมาะสมกับอุปกรณ์

การตั้งค่าเบรกของรอกให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ในที่นี้ก็คือเหมาะสมกับ รอก คัน สาย และเหยื่อปลอม
คัน รอก และสาย ถูกกำหนดสเปคมาแล้วจากผู้ผลิต เช่น คันเบ็ดคันนี้เหมาะสมกับสายกี่ปอนด์ เช่น 6- 14 ,8-17, 10-20 ,15-30 lbs รอกมีไซส์ของสปูลที่จุสายที่เหมาะสมได้กี่ปอนด์ เช่น 8/140 10/120 12/100 สายประเภทต่างๆ มีขนาดแรงดึงกี่ปอนด์ ดังนั้นเรื่องของขนาดและความเหมาะสมของอุปกรณ์ที่จะ ต้องใช้ให้แมทช์กันนั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่นักตกปลาทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ เรื่องที่เราจะเอามาพูดต่อไปนั่นคือการตั้งเบรกที่เหมาะสมกับการตกปลาด้วย หยื่อปลอม ซึ่งการตั้งเบรกถือว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งของการตกปลา


การตกปลาด้วยชุดอุปกรณ์ชุดเล็กและชุดอุลตร้าไลท์ นักตกปลาด้วยเหยื่อปลอม ควรกำหนดค่าของการตั้งเบรกไว้แค่ปานกลางและไม่ควรให้แข็งมากเกินไป เพราะอุปกรณ์ระดับเล็กมีโอกาสที่สายจะขาดสูงมากกว่าอุปกรณ์ระดับชุดปานกลาง หรือชุดใหญ่ แต่คันเบ็ดเวทระดับปานกลาง หรือแม้แต่คันใหญ่กว่านี้ ระดับ 15 -30 lbs ก็ไม่ใช่ว่าสายจะไม่มีโอกาสขาดเลย เพียงแต่มีโอกาสน้อยกว่าชุดอุปกรณ์ระดับเล็ก และส่วนมากคันที่มีเวทแข็งและใหญ่จะเกิดโอกาสปลาหลุดมากกว่าสายขาดแล้วซึ่ง ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานของนักตกปลาด้วย

ทริคการตั้งค่าเบรกให้เหมาะสมกับวิธีการตกปลา

หากเป็นเหยื่อปลอมที่ต้องสร้างแอคชั่นด้วยการกรอสายด้วยความเร็วสูง ยกตัวอย่างเช่น การตกกระสูบ ชะโด ตามเขื่อน ด้วยการปั่นเหยื่อสปูน หรือเหยื่อใบพัด ที่ต้องอาศัยรอบจัด นักตกปลาควรตั้งค่าเบรกเอาไว้ที่ระดับปานกลางและค่อนข้างแข็งเอาไว้ก่อน เนื่องจากเหยื่อปลอมที่ต้องอาศัยการสร้างแอคชั่นด้วยรอบสูง ปลาที่กินเหยื่อประเภทนี้จะชาร์จเหยื่อค่อนข้างแรงและมุดลงน้ำอย่างรวด เร็ว การตั้งค่าเบรกให้แข็งจะช่วยลดความรุนแรงจากการสปริ๊นท์ของปลาใน จังหวะแรกได้ดีกว่าการตั้งค่าเบรกที่อ่อนเกินไป เพราะคุณอาจจะโดนปลาลากสายออกจากรอกไปไหนต่อไหนและการปรับเบรกให้แข็งขึ้นที หลังนั่นแหล่ะที่อาจนำสู่ความผิดพลาดในจังหวะที่คุณกำลังละล้าละลังและสูญ เสียโทรฟี่ปลายสาย

ในกรณีเหยื่อปลอมประเภทผิวน้ำ เช่น ป๊อบเปอร์ หรือเหยื่อฮาร์ดเบทประเภทต่างๆ ปลาล่าเหยื่อที่เข้าชาร์จเหยื่อผิวน้ำจะเข้าชาร์จด้วยความรุนแรงมากเช่นกัน นักตกปลาควรตั้งค่าเบรกให้แข็งไว้ก่อนได้เช่นเดียวกัน

หากเป็นเหยื่อปลอมที่ต้องกรอด้วยการกรอสายความเร็วระดับปานกลาง (เหยื่อสวิมเบท) ควรตั้งระดับเบรกไว้ที่ปานกลางแต่ไม่ต้องแข็งจนเกินไป นัก เนื่องจากการเข้าชาร์จเหยื่อปลอมประเภทนี้ โอกาสที่ปลาจะชาร์จเหยื่อด้วยความรุนแรงมีไม่มากเท่ากับเหยื่อปลอมที่ต้อง สร้างแอคชั่นด้วยความเร็วสูง แต่ก็ไม่ควรตั้งค่าเบรคให้อ่อนเกินไป

ในกรณีของเหยื่อปลอมที่สร้างแอคชั่นด้วยการกรอสายช้าๆ หรือเหยื่อปลั๊กที่มีขนาดเล็ก นักตกปลาไม่ควรตั้งค่าเบรกแข็งเพราะจะทำให้ ปลาหลุดเอาได้ เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ตกปลาด้วยเหยื่อลักษณะนี้จะมีขนาด เล็ก ตัวเบ็ดของเหยื่อปลอมก็มีขนาดเล็ก การตั้งค่าเบรกแข็งเกินไปจะทำให้คุณมีโอกาสสูญเสียปลาจากจังหวะที่ปลากิน หรือกระชาก หรือแม้แต่กระทั่งขณะที่คุณงัดปลาเข้าฝั่ง นักตกปลาระดับโปรในต่างประเทศมีเทคนิคการใช้เหยื่อปลอมขนาดเล็กที่ว่ายช้าๆ ด้วยการตั้งค่าเบรกให้อ่อน (loose brake) และวัดซ้ำอีกทีเมื่อปลาชาร์จเหยื่อเข้าไปแล้ว หลายครั้งที่นักตกปลาเอาปลา ขึ้นมาได้ก็จะพบว่าเหยื่อขนาดเล็กจะเข้าไปอยู่ในปากด้านในของปลาซึ่งโอกาส ที่ปลาจะหลุดเพราะเหยื่อมีขนาดเล็กก็จะมีน้อยลง ดังนั้นนักตกปลาระดับโปรในต่างประเทศที่ใช้อปุกรณ์ตกปลาและเหยื่อขนาดเล็กจะ นิยมตั้งค่าเบรกให้อ่อนเพื่อให้ปลาฮุบเหยื่อไว้ในปากและลากออกไปในไม้แรก หลังจากนั้นจึงค่อยๆปรับเบรกสู้ปลาให้เหมาะสมทีหลัง


สรุปคือ การตั้งค่าเบรกเป็นสิ่งที่นักตกปลาด้วยเหยื่อปลอมไม่ควรละเลยหรือมองข้าม เพราะการตกปลาด้วยเหยื่อปลอมแตกต่างจากการตกปลาที่ตกด้วยวิธีการอื่นๆที่ ตั้งค่าเบรกเอาไว้หลังจากตีเหยื่อแล้ววางคันบนพื้นเพื่อรอปลามากิน การตกปลาด้วยเหยื่อปลอมจึงต้องอาศัยเทคนิคหรือทริคต่างๆมาช่วยให้ได้ปลา มากกว่าวิธีการตกปลา เรื่องของการตั้งค่าเบรกจึงเป็นเรื่องที่นักตกปลาควรใส่ใจในรายละเอียดเหล่า นี้เพื่อช่วยให้การตกปลาของคุณง่ายและสะดวกขึ้น นอกจากนี้ยังมันยังทำให้คุณพบความผิดพลาดน้อยลง นักตกปลาระดับโปรในต่าง ประเทศให้ความสนใจและวิจัยในเรื่องนี้มาก่อนแล้วอย่างจริงจัง หลายครั้งเราจึงพบว่านักตกปลาในต่างประเทศเลือกใช้คันแต่ละเวทอุปกรณ์แต่ละ ชนิดที่เหมาะสมกับเหยื่อปลอมแต่ละประเภท หรือแม้แต่เหยื่อประเภทเดียวกัน แต่คนละไซส์หรือคนละสีพวกเขายังใช้อุปกรณ์แยกจากกัน ในขณะที่นักตกปลาในบ้านเราอาจจะละเลยหรือไม่ทันดูว่าเหยื่อปลอมที่คุณซื้อมา ที่มีฉลากเป็นภาษาต่างประเทศในนั้นนอกจากจะบอกเทคนิค ทริค วิธีการใช้เหยื่อ เวทของคันที่ควรใช้กับเหยื่อตัวนี้แล้ว รายละเอียดอื่นๆและการตั้งค่าเบรกบางครั้งก็ปรากกฏให้เห็นในวีดีโอแนะนำ เหยื่อของผู้ผลิตอีกด้วย

ก่อนเปลี่ยนเหยื่อทุกครั้งอย่าลืมนึกถึงการตั้งค่าเบรก สิ่งเล็กๆน้อยเหล่านี้อาจช่วยให้คุณลดโอกาสในการสูญเสียโทรฟี่ปลายสายของคุณ ได้เหมือนกัน

ฝากไว้อีกนิดข้อควรระวังที่สำคัญสำหรับมือใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการตกปลาด้วย เหยื่อปลอมหรือตกปลาด้วยวิธีอื่น ในขณะที่ปลาชาร์จหรือจังหวะที่ปลากระชากสาย อย่ารีบปรับเบรกทันทีในขณะที่ปลากำลังลากสายออกจากรอกอย่างรุนแรง รอให้ปลา ลากจนหยุดหรือแรงของการกระชากสายของปลาแผ่วลงเสียก่อนแล้วค่อยปรับระดับเบรค จะเป็นวิธีที่ลดความสูญเสียได้ดีที่สุด




นักตกปลาด้วยเหยื่อปลอมแต่ละคนต่างก็มีวิธีและเทคนิคเฉพาะ ตัวในแบบของตัวเอง การตกปลาด้วยเหยื่อปลอมในหมายธรรมชาติหรือบ่อปลาขังก็ ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมของแต่ละหมาย
ไม่ว่าจะเป็นหมายที่โล่งหรือหมายที่รกร้างและมีพื้นที่ผิวน้ำไม่มาก นัก หมายธรรมชาติหลายแห่งสภาพที่ทุรกันดาร ซึ่งอาจจะมีทั้ง สวะ กอหญ้า ต้นไม้กลางน้ำ สตรัคเจอร์ต่างๆ การตีเหยื่อปลอมแต่ละจุดนักตกปลาจึงต้องใช้ประสบการณ์ของ ตนเองในการเลือกใช้วิธีการตีเหยื่อและอุปกรณ์ที่เหมาะสม

วิธีการตีเหยื่อแบบต่างๆ และท่าตีทั้งแบบ โอเวอร์เฮด ไซด์คาส หรือพิชชิ่ง เป็นเทคนิคที่จำเป็นมากสำหรับการตีเหยื่อในพื้นที่หรือสภาพ หมายที่แตกต่างกัน รวมทั้งการตีเหยื่อในกรณีที่อยู่บนเรือ แต่สิ่งที่จะพูดถึงในบทความนี้คือวิธีการเดินตีเหยื่อปลอมรูปแบบต่างๆ ที่ตัวผมเองมีความถนัดและนิยมใช้บ่อยๆ ตามหมายธรรมชาติ เพราะการเดินตีเหยื่อในบ่อปลาขังนักตกปลาหลายท่านคงมีความ ถนัดกันมากพออยู่แล้ว

วิธีการเดินตีเหยื่อปลอมที่ผมจะอธิบายต่อไปนี้ไม่ได้เป็นรูปแบบที่ตายตัวว่า ต้องตีแบบนี้เท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้ปลา แต่หมายความว่าการเดินตีเหยื่อในหมายที่เราไม่เห็นปลาขึ้นจิบ หรือหมายที่มีสภาพโล่ง หรือมีพื้นที่ในน้ำที่ค่อนข่างโล่ง หรือมีอุปสรรคกลางน้ำ วิธีที่ผมนำมาเสนอนี้ก็อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ท่านอาจจะเลือกเอาไว้ใช้ พิจารณาและประยุกต์ใช้กับการตกปลาของท่านก็ได้ครับ

สำหรับท่านที่มีประสบการณ์ในการเดินตีเหยื่อปลอมมากอยู่แล้ว ท่านก็สามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันหรืออาจจะนำเสนอวิธีการเดินตีเหยื่อ ปลอมที่แตกต่างไปจากวิธีที่ผมใช้อยู่ก็ได้ครับ เพราะการตกปลาไม่มีอะไรตาย ตัว อุปกรณ์และเทคนิคต่างๆ ที่ใช้ได้ผล จะต้องเหมาะสมกับสภาวะการณ์ในขณะนั้นด้วย

การเดินตีเหยื่อปลอมก็เป็นทริคอย่างหนึ่งที่อาจช่วยท่านได้เช่นเดียวกัน



เป็น การตีเหยื่อรอบทิศทางจากจุดที่เรายืนอยู่ เมื่อตีรอบทิศทางแล้วก็ออกเดิน ต่อไปในระยะ 10 -15 เมตร และหยุดตีเหยื่อในลักษณะนี้และเดินตีเหยื่อต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ



เป็น การตีเหยื่อจากระยะสั้นและเพิ่มระยะไปเรื่อยๆ จากระยะสั้นโดยอาจจะเริ่มจากระยะ 20 เมตรในไม้แรก และไม้ที่ 2 ก็เพิ่มเป็นระยะ 25 เมตร โดยเพิ่มระยะการตีเหยื่อให้ไกลขึ้นอีกในไม้ต่อๆไป ในจุดเดียวกันเราอาจจะตี เหยื่อลักษณะนี้ 3 - 4 ครั้ง และย้ายจุดตีเหยื่อด้วยการออกเดินต่อไปอีกประมาณ 5 - 10 เมตร เพื่อหยุดตีเหยื่อ และก็เดินตีเหยื่อปลอมในลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ

การตีเหยื่อลกัษณะนี้เหมาะกับหมายที่เป็นบึง หรือหนองน้ำที่มีพื้นที่เป็นน้ำค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าตีเหยื่อในพื้นที่ทีี่่ มีผิวน้ำโล่งน้อย ก็อาจจะเริ่มจากระยะ 5 - 10 - 15 เมตร ก็ได้เช่นกัน

หมายเหตุ อาจจะตีเหยื่อจากระยะสั้นและเพิ่มระยะให้ไกลขึ้น แล้วจึงลดระยะให้สั้นลงมาก็ได้ แล้วจึงค่อยเดินย้ายจุดต่อไป



เป็น การเดินตีเหยื่อเลาะตลิ่ง โดยตีเหยื่อเลาะตลิ่งไปทางด้านใดด้านหนึ่ง 4 - 5 ไม้ แล้วจึงเดินย้ายจุดเพื่อตีเหยื่อในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ


หมายเหตุ การเดินตีเหยื่อ เราอาจจะตีเหยื่อเลาะตลิ่งสลับไปมาซ้ายขวาก่อนที่จะออกเดินย้ายจุดตีเหยื่อก็ได้


ภาพที่ 5
เป็น การเดินตีเหยื่อไปยังสตรัคเจอร์หรือเกาะแก่งที่โผล่กลางน้ำ หรือต้นไม้ที่ตายซากอยู่กลางน้ำ โดยตีเหยื่อให้เลยไปเล็กน้อย และย้ายจุดตีให้ทั่วทุกด้านของต้นไม้กลางน้ำ นั้น โดยหยุดตีจุดละ 2 - 3 ครั้ง ก่อนที่ย้ายจุดเพื่อเปลี่ยมมุมในการตี โดยย้ายจากจุดเดิมด้วยระยะ 5- 10 เมตร

วิธีนี้เหมาะสมสำหรับการตีเหยื่อปลอมแบบลอยน้ำมากกว่า เพราะเราไม่ทราบว่า เกาะแก่งหรือต้นไม้ที่โผล่กลางน้ำเหล่านั้น บริเวณรอบๆของมันอาจจะมี อุปสรรคใต้น้ำหรือไม่ หากเราใช้เหยื่อปลอมแบบจมน้ำตีเข้าหาสตรัคเจอร์ หรือต้นไม้กลางน้ำเหล่านั้น เราอาจสูญเสียเหยื่อปลอมที่รักของเราได้ เหยื่อแบบ Top water และเหยื่อปลั๊กแบบ Floating ที่ลอยตัวขึ้นเมื่อหยุดกรอสายจะทำให้ลดอัตราความเสี่ยงของการสูญเสียเหยื่อ ได้

แต่ถ้าจะลองใช้เหยื่อดำกลางหรือดำลึกตีเข้าหาเกาะแก่งเหล่านั้นก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด


วิธี การเดินตีเหยื่อปลอมแบบผสม โดยนำเอาทุกวิธีมาประยุกต์ใช้ผสมกันไป เพราะในหมายเดียวกันเราอาจจะพบสภาพ ที่แตกต่างกันคือมีทั้งพื้นที่น้ำที่โล่ง มีทั้งสวะริมตลิ่ง และมีทั้งต้นไม้กลางน้ำ โดยนักตกปลาใช้ดุลยพินิจและประสบการณ์เลือกใช้แต่ ละวิธีมาผสมกันเอาเองตามอัธยาศรัย



การ เดินตีเหยื่อเหล่านี้เป็นเทคนิคเล็กน้อยที่ผมนำมาเสนอเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าต้องเดินแบบนี้เป็นสูตรสำเร็จจึงจะได้ปลา แต่อาจจะเหมาะกับนักตกปลามือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นและกำลังหัดตีเหยื่อปลอม



การ เดินตีเหยื่อปลอมคือการขยายขอบเขตการตกปลาของเราออกไป โดยเฉพาะหมาย ธรรมชาติ ดังนั้นการเดินตีเหยื่อปลอมนอกจากจะสร้างความหลากหลายและเป็น เทคนิคที่จำเป็นแล้ว ยังสามารถที่จะเพิ่มโอกาสได้ปลาของท่านให้มากขึ้นกว่า เดิมอีกด้วยครับ

รักชอบการตกปลา หรือกีฬาตกปลา


รักชอบการตกปลา ....หรือรักชอบในกีฬาตกปลา

ผมกำลังค้นหาตัวเอง อยู่หลายครั้ง ในการตกปลา แต่ไม่มีบทสรุป แต่ในความเป็นจริง คนเรารักและชอบของสิ่งเดียวกันในหลายด้านในต่างมุมมอง
แต่ความเป็นที่สุด น่าจะเป็นตัวชี้วัดได้ เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า..

เมื่ออยู่ใวงการตกปลาที่เป็นเกมส์ ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณทล หรือต่างจังหวัด ทุกแมทต์การแข่งขันถ้าเราไม่มัวแต่นั่งจ้อง กับคันเบ็ด ลุ้นที่ทุ่นกลางน้ำ ตลอดเวลา เราจะมองเห็นพฤติกรรม แปลกๆ ของเพื่อนนักตกปลา ที่อยู่รายล้อมตัวเรา รวมถึงตัวเราที่อยู่ในสายผู้อื่น มีบ้างมั้ยที่เราพบเห็นสิ่งผิดปกติ ที่เราบอกว่ามันไม่ใช่ มันไม่สมควรทำ ผมหมายถึงพฤติกรรมของนักตกปลา หรือเรียกให้ถูกต้อง ก็คงต้องเรียกว่า"นักกีฬาตกปลา"

ยิ่งนานวันผมเริ่มมองเห็น สิ่งที่เราเรียกตัวเองว่ามนุษย์ ที่ทำกับสัตว์ โดยเฉพาะปลา เพราะเขาไม่รับรู้อะไรกับเราเลย แต่เราซิ... ทำกับเขาโหดร้ายทารุณ เกินไปรึป่าว สำหรับการกระทำที่เกินกว่าเหตุ (ผมไม่ได้เป็นนักอนุรักษ์นะครับ แต่บางครั้งผมก็ไม่ชอบนักอนุรักษ์ด้วยซ้ำ ที่เขียนมาเยอะยืดเยื้อก็อยากให้ช่วยกันเท่านั้นเอง) ท่านทั้งลายคงจะเคยพบเห็นกันบ้างนะครับ กับการกระแบบนี้ ผมยกให้เห็นเป็นข้อๆชัดๆ กันดีกว่าว่ามันทารุณขานดไหนและมันเป็นเกินเหตุจริงหรือไม่ (เฉพาะปลาบ่อ ฟิชชิ่งนะครับ บ่อธรรมชาติ บ่อปลากินไม่เกี่ยว)

1. ท่านจะเห็นว่า เมื่อนักตกปลาคนหนึ่ง เอาปลาขึ้นมาแล้วปลดปลาวางไว้ ไม่ปล่อยลงน้ำ บางครั้งวางจนปลาแห้ง บางคนเห็นแล้วทนไม่ไหวต้องเดินไปปล่อยให้ สิ่งที่ได้รับ ไม่ใช่คำขอบคุณนะครับ แต่มันบอกว่ายุ่งอะไรกับ...ว่ะ หรือไม่ก็หันมามองแบบไม่เป็นมิตร ในกรณีที่ลืมก็ไม่ว่ากันครับ แต่ก็ไม่น่าลืมจนปลาแห้งนะครับ เพราะมันวางอยู่ใกล้คันเบ็ดท่านนะครับ อันนี้ไม่ทราบเหตุผลจริงๆๆ ขอคำ อธิบายหน่อยครับ

2.ปล่อยปลาไม่ลงน้ำ มันค้างอยู่อย่างนั้นแหละ เขาก็เห็นนะครับไม่ใช่ไม่เห็น จะรีบไปไหนกัน แค่ปล่อยปลาให้เป็นอิสระทำไม่ได้ ผมว่าปล่อยมันให้ลงน้ำเหมือนคนส่วนใหย๋จะดีกว่านะครับ เพราะแค่เราอัดมันขึ้นมามันก็แย่พออยู่แล้ว เราควรจะทนุถนอมกันหน่อย

3.เตะปลาลงน้ำ เตะนะครับไม่ใช้เท้าเขี่ย ประเภทตกน้ำแล้วพะงาบๆๆๆ หงายท้องไปนะครับ ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ใจจิรงผมอยากเอารูปมาลงให้ดูกันด้วยซ้ำ แต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวจะโดนเตะซะเอง ครับ

4. ปลากินลึก เบ็ดแข็งแรงสาย PE โอ๊ะเหนียวครับ แหย่สุดอมยิ้ม เอาไม่ออก เขาดึงครับ เป็นไงครับ มันก็ขาดทั้งพวงนะซิครับ แต่มันเป็นใส้ปลาปลานะครับไม่ใช่เบ็ด ไม่เข้าใจจริงๆ เบ็ดตัว ละไม่เกิน 5 บาท สละไปหนึ่งตัว รักษา 1 ชีวิตไว้ผมว่ามันคุ้ม และเป็นสิ่งที่ควรจะทำมากกว่าครับ

จริงๆแล้วมันก็มีหลายเรื่องครับ ผมก็เลยเอาเรื่องที่หนักๆ ที่ไม่น่าจะเกิดจาก"นักตกปลา" โดยเฉพาะที่เรียกตัวเองว่า"นักตกกีฬาปลา" อย่างน้อยถ้าเราไม่ทำในสิ่งเหล่านี้ เราก็ไม่ได้ทำร้ายปลา และทำลายน้ำใจเจ้าของบ่อ และที่สำคัญเราจะรู้สึกว่าตัวเองได้ไถ่โทษ ได้บ้างที่เราไม่ทำให้เขาาเจ็บ ถึงปางตาย "คนรักชีวิต สัตว์ก็รักชีวิต" ฉนั้นควรหลีกเลี่ยง การทารุณกรรม ให้มากๆครับ อย่าทำโดยไม่มีจิตสำนึก ........ แล้วท่านทั้งหลายละครับเคยทำในสิ่งเหล่าหรือไม่? สำหรับผมก็แค่อยากนำเสนอ ในสิ่งที่พบเห็นมาเป็นเวลานาน มันอาจจะไม่บ่อย แต่เป็นประจำ บางครั้งถ้าเราแคร์สายตาคนภายนอกบ้าง อย่างน้อยมีผู้ที่ติดสอยห้อยตามเราไปสร้างให้เขาเห็นภาพของ กีฬาตกปลา และนักกีฬาตกปลา ทีดีน่ายกย่อง และการตกปลาไม่ได้เป็นการทรมานสัตว์อย่างที่คิด (เข้าข้างตัวเองหน่อย) สิ่งดีงามก็จะเกิดกับวงการตกปลาตลอดไปครับ

"รักปลา รักษ์น้ำ รักษ์ธรรมชาติ " และสุดท้ายครับรักษานำใจเจ้าของบ่อครับ

และสิ่งสำคัญเหนืออื่นใดหากบทความนี้ ทำให้ใคร บุคคลใคร ไม่สบายใจ ผม "ฅนสันโดษ" ต้องขออะภัยมา ณ ที่นี้ด้วยความเคราพครับ

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

เทคนิคสายหน้าสำหรับตกปลาบ่อ by jOne5Oo


ผมเห็นบทความนี้ในเว็บ SiamFishing.Com นี่แหละครับ แต่เห็นพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกผมเลยจัดการแก้ไขให้ถูกต้องและอ่านง่ายขึ้น (ต้องขออณุญาตคุณ jOne5Oo ด้วยนะครับที่ถือวิสาสะแก้ข้อความ หวังว่าคงไม่ว่ากัน) ผมเห็นบทความนี้เป็นประโยชน์มากสำหรับนักตกปลาบ่อ ผมเลยขอเอามาลงอีกทีให้เพื่อนๆ พี่ๆชาว SiamFishing.Com ได้อ่านกัน แต่ถ้ายังไงจะขอบคุณก็ขอให้ขอบคุณคุณ jOne5Oo เลยนะครับ ผมก็ไม่ได้มีผลประโยชน์ได้เสียอะไรกับคุณ jOne5Oo หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับมือปลาบ่อนะครับ
เริ่มเลย...

สวัสดีครับเพื่อนๆสมาชิกทุกๆท่าน บังเอิญวันนี้ว่างและก็ได้ไปตอบคำถามทำนองนี้ที่เว็บอื่น เลยอดนึกที่จะมาโพสต์ต่อที่นี่ไม่ได้ ก่อนอื่นต้องเกริ่นนำก่อนนะครับว่าเทคนิคดังกล่าวสำหรับตกปลาบ่อหรือ ฟิชชิ่งปาร์คต่างๆ เน้นที่ปลาหนังครับ เช่น ปลาสวาย ปลาบึก เป็นต้น ไม่ได้กล่าวถึงเทคนิคการตกปลาแบบสปิ๋วนะครับ เนื่องจากมีเพื่อนๆ เขียนไว้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว เป็นเทคนิคที่เพื่อนสมาชิกทั่วไปใช้ในการตกแข่งขันและตกเล่น เจตนาแค่อยากนำเสนอให้สมาชิกใหม่ๆทราบ มือเก่าหรือมือเก๋าคงทราบดีแล้ว

ศัพท์ต่างๆที่ใช้บ่อยในบทความนี้ (เพื่อเพื่อนสมาชิกใหม่ จะได้เข้าใจครับ)

1.เหยื่ออ่อย หมายถึง เหยื่อที่ผสมลงในถังเรียบร้อยแล้ว (สูตรใครสูตรมัน)
2.สายหน้าหรือสายชิ่งหน้า หมายถึง สายเอ็นที่ผูกระหว่างลูกหมุนกับตัวเบ็ด ขนาดจะใหญ่กว่าสายเอ็นในรอกเล็กน้อย มีความยาวตั้งแต่ 10-100 ซม. หรือถ้าหากปลามีขนาดใหญ่มากจะใช้สายไดนีม่า(สายเชือกถัก)ก็ได้ แต่ในที่นี้แนะนำให้ใช้สายเอ็นดีกว่าครับ
ปล. แชมป์ประเทศไทย คุณโค๊ก กนกแดง แนะนำยี่ห้อ MAXIMA ครับ
3.ตะกร้อวิ่ง หมายถึง ตะกร้อที่วิ่งฟรีอิสระในสาย
4.ตัวเหน็บหรือติ้ง หมายถึง ชิ้นขนมปังที่ใช้เกี่ยวกับตะขอเบ็ด
5.สต๊อปเปอร์ หมายถึง ตัวหยุดทุ่น เป็นเม็ดพลาสติกสีดำๆเล็กๆ(บางเม็ดเป็นสีเหลือง สีแดง แล้วแต่ผู้ผลิต) ขนาดใหญ่กว่าสายเอ็นเล็กน้อย ทำหน้าที่หยุดทุ่นไม่ให้ไหลขึ้น ใช้กำหนดความลึกในการส่งเหยื่ออ่อยล่อปลา
6.ไร้สาร หมายถึง ชุดสายหน้าที่ไม่ใช้ตะกั่วนั่นเอง บางท่านจึงเรียกว่า "ไร้สารตะกั่ว"
7.ตีจม หมายถึง เหยื่อที่อ่อยจะจมอยู่ใต้น้ำ
8.ตีลอย หมายถึง เหยื่อที่อ่อยจะจมอยู่กลางน้ำหรือลอยอยู่ผิวน้ำ

"เทคนิคสายหน้าแบบตีจม"

1.ไร้สาร ประกอบด้วย สายจากรอก/ลูกหมุน/สายหน้ายาว 80-100 ซม./ตัวเบ็ด
- นำตัวเบ็ดเกี่ยวชิ้นขนมปัง(ตัวเหน็บ) จากนั้นนำเหยื่ออ่อยมาโรยบนฝ่ามือ แล้วนำตัวเหน็บมาวางทับ จากนั้นโรยเหยื่ออ่อยทับอีกครั้ง แล้วกำให้แน่นพอประมาณครั้งเดียว (ปั้นเหยื่ออ่อยหุ้มตัวเหน็บนั่นเอง)

2.ฝังเข็ม ประกอบด้วย สายจากรอก/ลูกปัด/ตะกั่ว/ลูกปัด/ลูกหมุน/สายหน้ายาว 80-100 ซม./ตัวเบ็ด
- นำเหยื่ออ่อยมาปั้นหุ้มตะกั่ว จากนั้นนำตัวเหน็บมาวางแปะข้างเหยื่ออ่อยแล้วโรยเหยื่ออ่อยทับอีกชั้นหนึ่ง แล้วกำให้แน่นพอประมาณครั้งเดียว

3.ลูกโดดหรือตีจุ๊บ ชุดสายหน้าแบบนี้เหมือนกับชุดสายหน้าแบบฝังเข็ม
- ปั้นเหยื่อแบบไร้สาร

4.ตะกร้อหน้าดิน ประกอบด้วย สายจากรอก/ลูกปัด/ตะกร้อวิ่ง/ลูกปัด/ลูกหมุน/สายหน้ายาว 12-30 ซม./ตัวเบ็ด
- ปั้นเหยื่อแบบฝังเข็ม ชุดสายหน้าก็คล้ายๆแบบฝังเข็มเพียงแต่เปลี่ยนจากตะกั่วมาเป็นตะกร้อ และสายหน้าจะสั้นกว่าครับ

เป็นไงบ้างครับ เทคนิคสายหน้าแบบตีจม งงมั้ยครับ ค่อยๆอ่านแล้วปฏิบัติตาม ขนาดตัวเบ็ดควรเลือกให้เหมาะสมกับขนาดของปลานะครับ (แชมป์ประเทศไทย คุณโค๊ก กนกแดง บอกว่าตัวเบ็ดขนาดเบอร์ 10 ทรงอิเซอะมาเป็นขนาดมาตรฐานที่ใช้สำหรับตกปลาบ่อ คือปลาเล็ก ปลาใหญ่ใช้ตกได้หมด) และหากปลาไม่ใหญ่มาก สายหน้าก็ไม่ควรใช้สายเชือกถัก ใช้สายเอ็นที่มีขนาดใหญ่กว่าสายในรอกเล็กน้อยก็พอครับ ปลาจะได้ไม่ระแวงและพริ้วตัวเมื่ออยู่ในน้ำ เช่น สายในรอก 12 ปอนด์ สายหน้าควรจะแค่ 15 ปอนด์ก็พอครับ


"เทคนิคสายหน้าแบบตีลอย"

1.ทุ่นลอย ประกอบด้วย สายจากรอก/ตัวสต๊อปเปอร์/ลูกปัดเล็ก/ทุ่นลอย/ลูกปัด/ตะกร้อวิ่ง/ลูกปัด/ลูกหมุน/สายหน้ายาว 1 ศอก/ตัวเบ็ด
วิธีปั้นเหยื่อเหมือนแบบตะกร้อหน้าดิน ส่วนสต๊อปเปอร์ก็ปรับเลื่อนขึ้นลง แล้วแต่ระดับความลึกของน้ำแต่ละบ่อและแนวความลึกที่ปลากินเหยื่อ โดยปกติแล้วจะเริ่มจาก 1 คืบขึ้นไป

2.กระสือ ประกอบด้วยชุดสายหน้าแบบทุ่นลอย แต่ตัวทุ่นจะติดกับตะกร้อ โดยเลื่อนสต๊อปเปอร์ลงมาให้ติดกับลูกปัดบนทุ่น ตัวทุ่นก็จะติดกับตะกร้อ หรือจะใช้ชุดทุ่นกระสือที่มีขายสำเร็จรูปก็ได้ แต่ผมไม่แนะนำครับ เนื่องจากไม่สะดวกในการปรับเปลี่ยนไลน์หากปลากินเหยื่อลึกลงไปในน้ำ
วิธีปั้นเหยื่อเหมือนแบบตะกร้อหน้าดิน

3.จานบิน ประกอบด้วยชุดสายหน้าแบบทุ่นลอย แต่เปลี่ยนจากตะกร้อมาเป็นตะกั่วแทน แต่ควรเลือกขนาดตะกั่วให้เหมาะสมกับทุ่น ไม่งั้นทุ่นจะจม
วิธีปั้นเหยื่อเหมือนแบบตะกร้อหน้าดินครับ

สรุป เทคนิคสายหน้าแบบตีลอยใช้วิธีปั้นเหยื่อเหมือนแบบตะกร้อหน้าดินทุกประการครับ

สุดท้ายนี้ ท่านจะเลือกวิธีการใดในการตกปลาบ่อ อันนี้ขึ้นอยู่กับความลึกของน้ำ นิสัยการกินเหยื่อของปลาบ่อนั้นๆ สภาพน้ำ ชนิดเหยื่อ เป็นต้น คงต้องปรับเปลี่ยนดู บางครั้งปลากินวิธีใดวิธีหนึ่งในระยะเวลาหนึ่ง อาจมีการหยุดกิน อันนี้ท่านต้องเปลี่ยนแปลง หาเทคนิคเอาเองครับว่าขณะนั้นปลาที่ท่านตกอยู่กินเทคนิคแบบไหน

ขอให้ทุกท่านโชคดีในการตกปลาบ่อครับ.....by jOne5Oo

เทคนิคการตกปลา 2 หน้า อิอิ


(บอกก่อนนะ อันนี้ไม่ได้เขียนเองแต่เอาของน้าท่านอื่นมาลงต่อเพื่อจะมีประโยชน์ต่อใครหลายๆๆคน ^0^ )


เทคนิคการตกปลา…ทูน่า

ข้าพเจ้าขออาสาพานักตกปลาไปพบกับปลาเกมอีกชนิดหนึ่ง ที่มีพลังในการต่อสู้กับนักตกปลาได้อย่างเร้าใจ อึดและหนักหน่วงซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่เร้าใจรุนแรงรือโลดโผนเหทือนกับปลาในสกุล กระโทงก็ตามแต่ก็เป็นเกมที่สนุกไม่แพ้กัน ไม่อย่างนั้นนักตกปลาคงจะไม่ยอมเดินทางร่วมพันกิโลเมตรเพื่อเสาะหากันเป็น แน่ เพราะมันคือ….ปลา “ทูน่า” ปลาจอมอึดที่หมู่นักตกปลาชื่อชอบการทรอลลิ่งเคยปรบมือกันมาแล้วนั้นเองโดย เฉพาะอย่างยิ่งกับปลาทูน่าครีบเหลือง (Yellowfin Tuna) และปลาทูน่าครีบน้ำเงิน (Bluefin Tuna)

ปลาทูน่าเป็นปลาเกมชนิดหนึ่งที่อิ๊กฟ่า (IGFA; International Gamefish Association) กำหนดให้เป็นปลาเกมเพื่อการบันทึกสถิติมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 111 ชนิดโดยไม่นับรวมกับด๊อกทูธทูน่า (Dogtooth Tuna) หรือเรียกกันว่าปลา “ทูน่าน้ำตื้น” เพราะเมื่อพิจารณาทางหลักการทางชีววิทยาแล้ว ด๊อกทูธน่าจัดอยู่ในปลาจำพวกซาร์ดีนี่ (Sardini) แต่สำหรับนักตกปลาในบ้านเราต่างก็จัดให้ ด๊อกทูธน่ารวมอยู่ใกลุ่มเดียวกัน เพราะมีชื่อลงท้ายด้วยทูน่าเหมือนกัน และต่อจากนี้ข้าพเจ้าจะบอกถึงหน้าตาของทูน่าทั้ง 12 ชนิดให้รู้จักกันก่อน

โอแถบ (Oceanic Boniito, Skipjack Tuna, Striped Tuna)

เป็นปลาฝูงงขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ตามทะเลลึก ที่มีกระแสน้ำไหลแรงและเป็นเขตร้อน เช่น มหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลอันดามัน มีความยาวสูงสุดประมาณ 90 ซม. นน้ำหนักประมาณ 20 กก.

โอแกนเป็นปลาที่กินเหยื่แทบทุกประเภทที่ใช้ตกทูน่า โดยเฉพาะเหยื่อปลอมที่ปล่อยลากไว้ใกล้ๆ กับท้ายเรือเหรือใบจักรเรือเช่น เหยื่อบลูเรคเฮดและนักเกิลเฮดที่มีสีชมพูเป็นหลัก ส่วนเหยื่อเป็นก็จะเป็นปลาฝูงขนาดเล็กว่าเช่น ปลาสีกุน ปลาทูลัง ปลาทูโม่ง และปลาหมึก เป็นต้น

โอแถบดำ (Black Skipjack Tuna)

เป็นปลาฝูงขนาดใหญ่เช้นเดียวกันกับปลาโอแถบ เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในทะเล ที่เป็นเขตอบอุ่นหรือเขตร้อน ที่มักจะย้ายฝูงไปมาในทะเลเปิด มีความยาวลำตัวสูงสุดประมาณ 90-100 ซม. น้ำหนักสูงสุดประมาณ 20-25 กก.

โอแถบดำเป็นปลาที่สามารถจะตกได้ด้วยวิธีการทรอลลิ่งด้วยเหยื่อจริงที่มีขนาด เล็กๆ หรือเหยื่อปลอมจำพวก ปลาปลอม (Plug) สีเขียวท้องทอง หรือเหยื่อจิ๊กขนนก ก็สามารถที่จะใช้ตกปลาโอแถบดำได้ดีพอสมควร แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าปลาโอแถบดำในปัจจุบันนี้เป็นปลาที่หาตัวค่อนข้างยาก แล้ว

โอดำ (*Little Tuna)

เป็นปลาฝูงที่มีขนาดใหญ่มาก แต่ละฝูงจะมีจำนวนหลายร้อยตัวหรือ เป็นพันๆตัวทีเดียว เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในเขตอบอุ่นและเขตร้อนตามทะเลเปิดโดยทั่วไป มักจะหากินบริเวณใกล้เกาหรือชายฝั่ง และมัไม่เคลื่อนย้ายฝูงไปไหนหากว่าในบริเวณนั้นยังมีอาหารให้กินอย่างเพียง พอ มีความยาวสูงสุดประมาณ 60-75 ซม. น้ำหนักสูงสุดประมาณ 15-17 กก.

ปลาโอดำเป็นปลาล่าเหยื่อที่มักจะเข้าโจมตีปลาฝูงที่มีขนาดเล็กว่าตามบริเวณผิวน้ำ โดย

การล้อมฝูงปลาเล็กไว้ตรงกลางแล้วเข้าชาร์จพร้อม ๆ กัน ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดปั่นป่วนเหมือนน้ำเดือดเป็นวงกว้าง ซึ่งนักตกปลาสามารถที่จะมองเห็นได้ในระยะไกล ๆ ปลาโอดำสามารถที่จะตกได้ด้วยการทรอลลิ่งด้วยเหยื่อปลอมขนาดเล็กเช่นเดียวกับ ปลาโอแถบดำ

โอลาย (Mackerel Tuna, Wavyback Skipjack,Kawakawa)

เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในเขตอบอุ่นและเขตร้อน เป็นปลาฝูงขนาดใหญ่เช่นเดียวกับปลาโอดำ มักอาศัยอยู่ตามพื้นท้องทะเลเปิด โดยมีขนาดความยาวลำตัวตั้งแต่ 30-50 ซม. น้ำหนักสูงสุดประมาณตัวละ 2-3 กก.

โอลายเป็นปลาที่กินเหยื่อทุกชนิดที่ใช้ตกปลาทูน่า แต่ต้องมีขนาดเล็กประมาณ 1-3 นิ้ว โดยวิธีการตกแบบทรอลลิ่งเช่นเดียวกันกับปลาโอชนิดอื่น ๆ

โอหม้อ โอดำหรือทูน่าครีบดำ (Blackfinned Albacore ,Blackfin Tuna)

เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในเขตอบอุ่นและเขตร้อน พบมากในมหาสมุทรแอตแลนติกฝั่งตะวันตก ทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยหรือตามทะเลเปิดโดยทั่วไป ปลาโอหม้อเมื่อยังมีขนาดเล็กจะอาศัยอยู่ตามพื้นทะเลที่มีระดับน้ำตื้น ๆ แต่พอโตขึ้นมักจะเคลื่อนย้ายฝูงออกไปในทะเลลึก และหากินอยู่ในระดับกลางน้ำถึงผิวน้ำ มีขนาดยาวตั้งแต่ 30-100 ซม. และมีน้ำหนักประมาณตั้งแต่ 3-45 กก.

ปลาโอหม้อเป็นปลาที่อยู่รวมฝูงและหากินอยู่ใกล้ผิวน้ำ นักตกปลาจึงสามารถตกปลาโอหม้อได้ด้วยวิธีการทรอลลิ่งด้วยเหยื่อปลอม หรือเหยื่อจริงที่มีขนาดเล็กถึงปานกลาง

ทูน่าครีบเหลือง (Yellowfin Tuna , Allison Tuna)

เป็นปลาที่อาศัยอยู่ตามมหาสมุทรหรือทะเลลึกในเขตโซนร้อน หรือที่มีกระแสน้ำไหลวนกลางมหาสมุทร โดยมีอุณหภูมิของน้ำในบริเวณดังกล่าวระหว่าง 16-27 องศาเซลเซียส ระดับความลึกของน้ำตั้งแต่ 200 เมตรหรือมากกว่า มีขนาดความยาวที่พบมากอยู่ระหว่าง 1-2.5 เมตร น้ำหนักสูงสุดที่เคยได้ตัวประมาณ 150 กก.

ทูน่าครีบเหลืองเป็นปลาฝูงเช่นเดียวกันกับปลาทูน่าชนิดอื่น ๆ การตกส่วนใหญ่จะใช้วิธีการทรอลลิ่งด้วยเหยื่อปลอมหรือเหยี่อจริงที่มีขนาด ไม่โตมากนัก หรือจะใช้วิธีการอ่อยเหยื่อล่อ (chumming) แล้วตกด้วยเหยื่อจริงตามธรรมชาติ ทั้งชนิดที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตได้ผลเช่นกัน

ทูน่าครีบน้ำเงิน (Bluefin Tuna,Atlantic Bluefin, Tunny Fish)

เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในเขตอบอุ่นที่มีอุณหภูมไม่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส ชอบย้ายถิ่นไปเรื่อย ๆ ตามแหล่งอาหารและอุณหภูมิของน้ำเป็นหลัก พบมากในมหาสมุทรแอตแลนติก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเลดำ ปลาทูน่าครีบน้ำเงินนี้จัดได้ว่าเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่มากโดยมีขนาดความยาว เฉลี่ยตั้งแต่ 2-2.5 เมตร น้ำหนักสูงสุดอยู่ที่ 300-350 กิโลกรัมขึ้นไป

สามารถที่จะตกได้ด้วยวิธีการทรอลลิ่งซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด สำหรับเหยื่อก็สามารถที่จะใช้เหยื่อปลอมชนิดต่าง ๆ ที่ใช้ตกปลาทูน่าเกือบทุกชนิด ส่วนเหยื่อจริงก็ใช้ได้ตั้งแต่ปลาทูลัง ปลากระบอกหรือปลาหมึก ทั้งทียังมีชีวิตอยู่หรือตายแล้วก็ใช้ได้ผลเช่นกัน

Southern Bluefin Tuna,Janpanese Central Pacific Bluefin Tuna

เป็นปลาทูน่าที่พบมากในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ด้านทิศตะวันออกของออสเตรเลีย มีลักษณะคล้ายกับปลาทูน่าครีบน้ำเงินแต่มีข้อแตกต่างตรงแง่งที่โคนหางจะเป็น สีเหลืองสด จัดเป็นปลาทูน่าที่มีขนาดใหญ่อีกชนิดหนึ่ง คือมีความยาวโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2-2.5 เมตร น้ำหนักสูงสุดประมาณ 300 กก.

การตกปลาเซาเธอร์นบลูฟินทูน่านี้ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการเดียวกันกับการตกปลาทู น่าครีบน้ำเงิน ซึ่งวิธีที่ใช้ได้ผลดีที่สุดคือการทรอลลิ่งเช่นกัน โดยเลือกใช้เหยื่อปลอมประเภทโคน่าเฮด นักเกิลเฮด หรือเหยื่อประเภทขนนกก็สามารถที่จะใช้ได้ผลเช่นกัน

ทูน่าครีบยาว (Albacore, Longfin Tuna,Long-finned Tunny)

เป็นปลาที่อาศัยในเขตร้อนและเขตอบอุ่นในมหาสมุทรอินเดียแปซิฟิกและแอตแลนติก โดยอาศัยอยู่ตามผิวน้ำลงไปจนถึงระดับความลึกประมาณ 200 เมตร ทูน่าครีบยาวมีขนาดและความยาวเฉลี่ยประมาณ 1 เมตร น้ำหนักสูงสุดประมาณ 30 กก.

การตกปลาทูน่าครีบยาวนักตกปลามักจะเลือกใช้วิธีการเดียวกันกับการตกเซา เธอร์นบลูฟิน แต่ขนาดของเหยื่อที่เลือกใช้ต้องเล็กกว่าและลากด้วยความเร็วที่มากกว่าหรือ จะเลือกใช้เหยื่อเป็นตามธรรมดาจำพวกทูโม่ง สีกุน หรือปลาหมึกก็ได้

ทูน่าตาโต (Bigeye Tuna)

เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในน่านน้ำเขตอบอุ่นที่มีอุณหภูมิผิวน้ำตั้งแต่ 18 องศาเซลเซียสพบมากในมหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิกเป็นปลาที่อยู่รวมกันเป็นฝูง โดยอาศัยวนเวียนหากินตั้งแต่ผิวน้ำลงไปจนถึงระดับความลึกประมาณ 200 เมตร จัดได้ว่าเป็นปลาขนาดใหญ่ที่มีความยาวลำตัวประมาณ 2 เมตร น้ำหนักโดยเฉลี่ยทั่ว ๆ ไปประมาณ 200 กิโลกรัมขึ้นไป

การตกปลาทูน่าตาโตนักตกปลาสามารถเลือกใช้เหยื่อได้เช่นเดียวกันกับการตกปลา ทูน่าชนิดอื่น ๆ หรือเลือกใช้เหยื่อจริง ทั้งที่มีชิวติหรือตายแล้วก็ได้ โดยใช้วิธีการทรอลลิ่งอย่างช้า ๆ จะให้ผลดีกว่าการทรอลลิ่งด้วยความเร็วสูง

ทูน่าหางยาว (Longtail Tuna,Oriental Bonito)

เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในเขตโซนร้อนหรือกึ่งโซนร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนล่างไป จนถึงอาเซียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นปลาที่อาศัยรวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ตามบริเวณผิวน้ำและกลางน้ำ มีขนาดและความยาวประมาณ 1 เมตร และน้ำหนักสูงสุดประมาณ 30 กิโลกรม

การตกปลาทูน่าหางยาวก็สามารถเลือกใช้เหยื่อได้เช่นเดียวกันกับการตกปลาทูน่ช นิดอื่น ๆ หรือเลือกใช้เหยื่อจริงตามธรรมชาติจำพวกปลาสีกุน ปลาทูและปลาหมึกโดยใช้วิธีการอ่อยเหยื่อร่วมด้วยก็จะให้ผลได้ดีที่สุด

ทูน่าน้ำตื้น (Dogtooth Tuna, White Tuna , Lizard-mouth Tuna)

เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในน่านน้ำเขตอบอุ่นของมหาสมุทรอินเดีย โดยอาศัยรวมกันเป็นกลุ่มตั้งแต่สองสามตัวหรือมากกว่าเล็กน้อยและชอบเคลื่อน ย้ายกลุ่มอยู่เสมอ เป็นปลาทูน่าที่มีลักษณะแตกต่างจากปลาทูน่าชนิดอื่น ๆ คือมีแผงฟันที่คมมากจึงได้ชื่อว่า “ด๊อกทูธทูน่า” มีขนาดและความยาวประมาณ 1-1.5 เมตร น้ำหนักสูงสุดอาจจะขึ้นไปถึง 100 กก. หรือมากกว่า

การตกปลาทูน่าน้ำตื้น จะเลือกใช้เหยื่อปลอมที่ใช้ตกปลาทูน่าชนิดอื่นได้แทบทั้งสิ้น หรือจะใช้วิธีการตกด้วยเหยื่อจริงตามธรรมชาติ พร้อมทั้งใช้เหยื่ออ่อยเช่นเดียวกันกับการตกปลาทูน่าหางยาวก็ได้ผลเช่นกัน

ทั้งหมดก็เป็นเรื่องราวของปลาทูน่าทั้ง 12 ชนิด รวมทั้งวิธีการตกและการเลือกใช้เหยื่อโดยทั่ว ๆ ไป ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเป็นบทสรุปในเรื่องราวของการตกปลาทูน่าของนักตกปลาในบ้าน เรา เป็นการแถมท้ายอีกสักนิดซึ่งถึงแม้ว่าปลาทูน่าบางชนิดของนักตกปลาหลาย ๆ คนรวมถึงข้าพเจ้า จะไม่เคยเห็นหน้าค่าตาตัวจริงของมันเลยก็ตาม แต่ข้าพเจ้าคิดว่าจะอย่างไรเสียมันก็เป็นปลาในสกุลเดียวกัน ดังนั้นพฤติกรรมต่าง ๆ จึงน่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงหรือเหมือนกันก็ได้ ดังนั้นในตอนท้ายนี้ข้าพเจ้าจะขอเขียนถึงวิธีการตกปลาชนิดหนึ่ง และเป็นชนิดเดียวที่นักตกปลาอยากจะประมือกับมัน…เยลโลว์ฟินทูน่า ไงครับ!

ปลาทูน่าครับเหลืองหรือเยลโลว์ฟินทูน่านับเป็นปลาเกมที่มีพลังในการต่อสู้ กับนักตกปลาได้ดีมาก ปัจจุบันสามารถที่จะพบตัวได้ในทะเลอันดามันแถบหมู่เกาะสิมิลันและแนวไหล่ ทวีป โดยเฉพาะในช่วงที่หมดฤดูมรสุมใหม่ ๆ ปลาทูน่าครีบเหลืองจะอพยพเข้ามาหากินใกล้ ๆ เกาะกลางทะเลมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะบริเวณใกล้ ๆ เกาะมีสารอาหารที่ถูกน้ำฝนช่วงฤดูมรสุมพัดพาลงมาสู่ทะเล และสารอาหารเหล่านั้นก็เป็นอาหารของปลาขนาดเล็ก จึงทำให้ปลาทูน่าครีบเหลืองติดตามเข้ามาล่าปลาเล็กเหล่านั้นเป็นอาหารด้วย ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวน้ำทะเลมีอุณหภูมิที่ไม่สูงมากจนเกินไป เพราะปกติปลาทูน่าครีบเหลืองจะชอบอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ย 16-27 องศาเซลเซียส เมื่อน้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้นหรือในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด ปลาทูน่าครีบเหลืองจะย้ายไปอยู่ตามบริเวณที่มีกระแสน้ำไหลและลึกมากขึ้น คือตั้งแต่ระดับ 100-200 เมตรขึ้นไป ทำให้เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของนักตกปลา เพราะว่าระดับน้ำลึกขนาดนี้ย่อมต้องเป็นพื้นที่อยู่ห่างจากฝั่งเกือบร้อย หรือเป็นร้อยกิโลเมตรแทบทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามการตกปลาทูน่าในบ้านเราก็ยังไม่ได้เป็นเป้าหมายหลักแต่ในวัน ข้างหน้าก็ไม่แน่ว่านักตกปลาในบ้านเราอาจจะขยายพื้นที่ในการตกปลาออกไป จนถึงแหล่งอาศัยของปลาทูน่าก็ได้ใครจะรู้ และต่อไปนี้ก็จะเป็นข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการเลือกอุปกรณ์ เพื่อการตกปลาทูน่าครีบเหลืองที่นักตกปลาปฎิบัติกันอยู่ คือ

1. ชุดอุปกรณ์ที่ใช้ควรเป็นแบบหรือคันที่มีแอ๊กชั่นค่อนไปทางแข็ง ๆ หากเป็นคันที่ใช้สำหรับตกปลาทูน่าโดยตรงเช่นคันสแตนด์อั้ปก็จะดีมาก เพราะคันเบ็ดประเภทนี้จะให้พลังในการอัดปลาขึ้นจากระดับน้ำที่ลึกมาก ๆ ได้ดี

2. รอกที่เหมาะสมก็ควรเป็นรอกทรอลลิ่ง ทั้งระบบลีเวอร์แดรกและสตาร์แดรกที่สามารถบรรจุสายในขนาดที่เลือกใช้ไม่ต่ำกว่า 400 เมตรขึ้นไป

3. ลูกหมุนให้เลือกใช้ชนิดที่เป็นบอลแบริ่ง สีดำหรือสีน้ำตาลเข็ม

4. สายลีดเดอร์เลือกใช้ขนาดเล็กประมาณ 1-2 เท่าของสายหลัก ยาวตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป

5. ตัวเบ็ดเลือกใช้ชนิดก้านสั้นหรือชนิดทูน่าฮุก (tuna hook) จะดีที่สุด โดยใช้ขนาด 4/0-6/0

วิธีการตกปลาทูน่าครีบเหลือง

การวิ่งเรือลากเหยื่อ

การตกปลาทูน่าด้วยวิธีการทรอลลิ่งนี้เป็นวิธีที่ตกปลาในบ้านเรานิยมมากที่ สุด โดยเหยื่อที่นักตกปลาเลือกใช้มีทั้งเหยื่อ หัวเจ๊ต (jet head) เหยื่อปลาปลอม (plug) เหยื่อจริงชนิดที่มีชิวิตและที่ตายแล้ว (live & dead bait) มาประกอบกับชุดลีดเดอร์ ซึ่งสายลีดเดอร์ที่จะใช้เป็นสายลวด ทั้งหมด

ซึ่งในส่วนของสายลีดเดอร์นี้ข้าพเจ้าเคยใช้สายเอ็นหรือสายโมโนฟิลาเม็นต์แทน สายลวดสลิงก็ได้ผลดีทุกอย่าง แต่มีข้อเสียอยู่ว่าในบ้านเราเวลาทรอลลิ่งมักกระทำในบริเวณใกล้ ๆ เกาะ ชุดปลายสายเลยถูกสถุลอย่างปลาสากหรือปลาเศรษฐกิจอย่างเช่นปลาอินทรีและวา ฮูเข้าชาร์จเหยื่อจนปลายสายขาดเป็นประจำ จึงต้องเลิกใช้ไปโดยปริยาย

ว่ากันว่าปลาทูน่าครีบเหลืองนั้นมีสายตาที่ดีมาก หากบริเวณที่มันอาศัยอยู่มีน้ำที่ใส่มากปลาทูน่าครีบเหลืองจะมองเห็นเหยื่อ ได้ไกลหลายสิบฟุตถึงแม้ว่าเหยื่อจะเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วก็ตาม ด้วยเหตุนี้การตกปลาทูน่าด้วยการทรอลลิ่งจึงต้องใช้ความรวดเร็วมาก ประมาณ 110-15 ไมล์/ชม แต่บ้านเราในเรื่องความเร็วของเรือยังไม่พัฒนากันสักเท่าไหร่ เพราะเรือตกปลาส่วนมากมักจะเป็นเรือประมงที่ดัดแปลงแทบทั้งสิ้น และปลาทูน่าที่ได้ตัวในบ้านเราก็มักจะมีขนาดเล็กประมาณ 5-10 กก. ซึ่งปลาขนาดนี้สามารถที่จะใช้เหยื่อปลาปลอมแทนซึ่งก็ได้ผลดี ไม่ว่าทั้งด้านการติดเบ็ดของปลาหรือการลดระดับความเร็วของเรือลงมาเพื่อให้ เหมาะสมกับเหยื่อที่ใช้ ส่วนเรื่องการตั้งน้ำหนักของระบบเบรกขณะลากเหยื่อทั้งสองประเภทควรอยู่ที่ 1/3-1/4 ของแรงดึงสายเบ็ดที่ใช้อยู่ เช่นถ้าใช้สายขนาด 50 ปอนด์ก็ตั้งไว้ที่ 12-17 ปอนด์เป็นต้น แล้วให้เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อกำลังอัดปลาขึ้นจากระดับน้ำลึก

การจอดเรือตกปลาและการอ่อยเหยื่อ

วิธีการนี้นักตกปลาในบ้านเราเกือบทั้งหมดจะไม่ค่อยให้ความสนใจอาจเป็นเพราะ ว่าเมื่อทำการอ่อยเหยื่อไปสักช่วงหนึ่งแล้ว ไม่เฉพาะแต่ปลาทูน่าเท่านั้นที่ได้รับกลิ่นคาวจากการอ่อยเหยื่อทว่าปลาล่า เหยื่อชนิดอื่น ๆ เช่น ฉลาม อินทรี สาก และวาฮู มักจะตามกลิ่นคาวเข้ามาร่วมวงด้วยเสมอ และก็มักจะเข้ากินเหยื่อก่อนปลาทูน่าทำให้ชุดปลายสายขาดเสียทุกครั้ง นักตกปลาในบ้านเราจึงหันไปใช้วิธีแรก คือการทรอลลิ่งด้วยเหยื่อปลอมที่สะดวกและง่ายกว่า ข้าพเจ้าจึงขออนุญาตไม่เขียนถึงรายละเอียดของวิธีนี้ และก่อนจะจบเรื่องราวของการตกปลาทูน่า ข้าพเจ้ามีข้อแนะนำเพิ่มเติมอีกนิด ไว้เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัตืและควรจำ ดังนี้

1. เวลาเช้าตรู่นับเป็นเวลาที่ดีที่สุดของการตกปลาทูน่า

เมื่อนักตกปลาทำการทรอลลิ่งแล้วเจอฝูงปลาทูน่า ควรทรอลลิ่งดักหน้าฝูงปลาเสมอ

3. เมื่อปลาติดเบ็ดให้นักตกปลาเพิ่มเบรกขึ้นอีกเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อปลาเริ่มขึ้นใกล้ผิวน้ำ และควรอัดปลาตลอดเวลาเป็นช่วงสั้น ๆ ร่วมกันการดึงหรือเบนทิศทางการวิ่งของปลาไปด้วย

4. ขณะที่นักตกปลากำลังสู้กับปลาทูน่า ต้องพยายามตั้งคันเบ็ดให้เป็นมุมประมาณ 60 องศาหรือน้อยกว่า จะสะดวกในการอัดปลาให้ขึ้นมาจากระดับน้ำที่ลึกได้ดี

5. เมื่อปลาเข้ามาใกล้เรือในระยะตะขอ ให้นักตกปลาลดแรงเบรกลงแล้วใช้นิ้วกดสปูลเก็บสายเพิ่มน้ำหนักแทน และการเกี่ยวปลาต้องเกี่ยวทีเดียวให้ได้ตัว เพราะไม่อย่างนั้นท่านจะต้องเสียเวลาในการอัดปลาไปอีกนานกับการวิ่งอย่าง ตกใจของปลา บางครั้งก็อาจจะทำให้สายเบ็ดขาดได้ ซึ่งข้าพเจ้าเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว !

ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวข้างต้นคงจะมีประโยชน์กับนักตกปลาบ้างตามสมควร โดยเฉพาะกับมือใหม่ในเกมทะเล

ว่าด้วยการตกปลา ตอนที่1

เมื่อวันที่ 1เดือนนี้ที่ผ่านมา ผมได้ไปตกปลามาครับ ไปคนเดียว แบบว่าเพื่อนๆที่เรียนด้วย ก็ไม่มีใครชอบตกปลาเลย สถานที่ตกก็เรียกว่ามีขนาดใหญ่ พอกับ4สนามฟุตบอล ปลาที่นั้นเยอะมากครับ แต่ก็ไม่ใหญ่มาก เคยเห็นน้าๆที่ตกได้ ก็มีปลาสวายขนาด 6 โล ปลายี่สก 3โล ปลานิล โลขึ้น ผมเลือกที่จะเริ่มออกตกตั้งแต่เช้า ครับ เหตุผลง่ายๆเลย กลัวไม่คุ้มกับเงินค่าตก 50 บาท แม้ว่าทางบ่อ จะให้เอาปลาที่ตกได้ออกได้หมดโดยไม่ต้องชั่งออกก็เถอะ ผมก็ยังรู้สึกว่า การได้ลุ้นปลานานๆมันคุ้มกว่าได้ปลาเยอะๆ ไม่รู้สิครับ ในการไปตกแบบที่ผมตกคือ ตกสปิ๋ว การได้ปรับระดับลายสต๊อปเปอร์ การได้ลุ้นทุ่น ขึ้นๆลงๆมันคือ ความสุขที่เป็นไคล์แมกส์ครับ
อุปกรณ์ ก็สาย6 ปอนด์ รอกหมาป่า ซื้อมา 400 ส่วนคันก็ 6 ฟุต 200 บาท ตามฐานะนักศึกษาครับ อันที่จริงเรื่องอุปกรณ์นี้ก็แปลกนะครับ ขณะที่เรานั่งตกไปเวลาปลามันดึงทุ่นจมแล้ววัดแต่ไม่ติดผมมักนึกแว๊ปๆเข้ามา ในหัวว่า เป็นเพราะอุปกรณ์เปล่านะ เราใช้คันที่แข็งไปไหม ถ้าคันอ่อน น่าจะวัดปลาติด เคยอ่านมาในกระทู้เห็นเขาบอกว่าคันเขาวัดปลาติดง่าย ลองดูเวทคันที่เขาลงก็อ่อนกว่าเขาเรา สงสัยต้องเปลี่ยนคัน พอไปดูราคาที่ร้านในจังหวัด ก้ได้แต่ดูจริงๆครับก็มันเกินความสามารถจริงๆบางอย่างดูในเว็บ กับราคาในร้านต่างกันเกิน 500 อีกโห้!!! ก็เข้าใจร้านเขาครับ เนื่องจากร้านขายสินค้าพวกนี้มีน้อย เขาก็สามารถจะตั้งราคาได้สูง แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีร้านที่นำของราคาถูกมาขายเลยนะครับ ก็พอมีบางแต่คุณภาพสินค้าก็ต่ำตามไปด้วย หรือไม่ก็มีของให้เลือกน้อยตอบสนองลูกค้าไม่คบถ้วนพอนานๆไปลูกค้าก็หายอยู่ ไม่ได้ เพราะมาร้านนี้ไม่มีของ แต่แปลกครับ ผมไม่เคยกังวลใจเลือกรอกเลย ทั้งๆที่ผมก็ใช้หลักการที่คนทั่วๆไปซื้อของกัน คือเน้นที่ความคุ้มค่า คงทน ส่วนปัจจัยราคานั้น เงินในกระเป๋าจะเป็นตัวกำหนดเอง แต่ก็ใช่ว่า มันจะไม่มีความต่างกันซะที่เดียวนะครับ อย่างเช่นรอกของผมโดนฝนเข้าไปวันรุ่งขึ้นเจอแดด รอกลอกเลยครับ ซื้อรอกแถมข้าวเกรียบซะงั้นเป็นแผ่นๆ หรือเรื่องของเบรครอกอันนี้ไม่ได้เขียนเชียร์อะไรนะครับ แบบว่ามีครั้งหนึ่งพี่ข้างๆที่มานั่งตกสปิ๋วตกหลบแดดในร่มไม้เดียวกันแล้วแก ลุกไปเก็บเบ็ดอีกคันที่ตีหน้าดิน แกหันมาบอกผมว่า หนุ่มๆพี่ฝากคันแปป ด้วยมารยา ผมก็บอกแกว่าพี่เก็บขึ้นมาก่อนก็ได้ครับ ผมกลัวปลาลากคันพี่ลงน้ำ แกบอกว่า ผมเปิดหน้ารอกไว้แล้ว ตัวผมเลยได้แต่ยิ้ม สักพักเดียวเองขณะที่ผมเก็บเบ็ด ตัวเองขึ้นมา ก็ไม่รู้ทำไมว่าผมต้องหันไปมองทุ่นแก ซึ่งในขณะที่ผมจ้อง ทุ่นมีอาการกำลังจมลอย จมลอย แล้วทุ่นก็ถอนครับ ตอนนั้นในใจผมเอ๋...แล้วยังไม่ทันที่จะรู้สึกอะไรต่อ รอกพี่เข้าก็ร้องเรียกหาเจ้าของเลย แต่ก็นั้นละครับรอกสปิ๋ว เต็มที่ก็แค่ครางงี้ๆ ผมได้แต่หันไปทางพี่ แล้วเรียก พี่ปลากินแล้ว มีเสียงตอบกลับมาว่า เอาเลย ผมว่างคันตัวเองทันที่เพื่อที่จะได้คันใหม่ ปิดเบรคแล้ววัดคันขึ้นพอประมาณ โอว์ เบรคหนึบเป็นไงรู้วันนี้เอง จากนั้นพี่เจ้าของก็เข้ามาดู แกบอกว่าให้ผมอัดเลย แกวิ่งไปเอาที่ช้อนปลาอันใหญ่ ตรงนี้เองครับรอกราคาต่างกัน เวลาปลามาใกล้ฝั่งมันยิ่งประสิทธิภาพชัดๆ ของเขาดีจริงๆครับ แต่ทำใจครับพอทราบราคาแต่ก็อย่างที่ผมบอกละครับเรื่องรอกผมไม่กังวล เพราะว่า เพราะผมคิดตอนที่ซื้อเจ้ารอกตัวนี้ไว้ใช้ ดูฐานะแล้ว ไม่เกิน 500 บาท ขนาดเล็ก เป็นพอ ถ้าจะเขียนให้คนเขาหมั้นใส้ ก็คงต้องจบประโยคไว้ว่า แมวไม่ว่าชนิดไหนถ้าจับหนูได้ ผมก็เลี้ยง วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อนเดี๋ยววันหลังมาเขียนใหม่ครับ น้าๆ

อุทาหรณ์สำหรับคนตกปลาคับ!!!!

เรื่อง ก็มีอยู่ว่าที่บ้านผมทำเป็นบ้านเช่าคับเป็นบ้านเก่าคับอายุประมาณ50ปีคับมี คนมาเช่ามากมายเเต่บ้านข้างๆเ็ป็นบ้านคนงานที่มาเช่าอยู่คับมาอยู่ได้ประมาณ 1ปีก็สนิทรู้จักกันดีคับมีอยู่ประมาณ5-6คนคับเหตุก็คือว่าผมก็ไม่เเน่ใจคับ ว่าพวกเขาคิดยังไงคับมีคนหนึ่งในนั้นมันมาเเอบขึ้นบ้านผมคับเพราะว่าที่บ้าน จะไม่มีคนอยู่ตอนกลางคืนคับมันก็ได้เเอบเข้ามาที่บ้านทางช่องลมคับมันงัดไม้ ออกมาคับเเล้วก็เข้ามาในบ้านคับเเร้วได้เข้ามาขโมยรื้อของในตู้คับขโมยพระ มเหศวรไป1องคับเเต่ในบ้านมันไม่มีของมีค่าอะไรนอกจากคันเบ็ดคับมันเลยได้ ขโมยคันเบ็ดตกปลาของผมไปคับมีอยู่ประมาณ6คันคับตอนเเรกผมก็นึกว่าพ่อผมมานำ คันเบ็ดไปแต่โทรไปถามกลับไม่ใช่พ่อก็เลยมาดูคับพอดูบนบ้านมีรอยตีนเต็มไปหมด เลยคับมีขี้บุหรี่ด้วยคับ{มันใจเย็นน่าดูนะคับดูดบุหรี่ด้วย}เเล้วดูที่ฝา ผนังข้างบนมันมีรอยตีนปีนลงมาจากช่องลมคับมันโหนคานมาบ้านมาคับพอรู้ว่าเป็น ข้างบ้านพ่อผมก็เลยเรียกพวกมันมาถามทีละคนคับเเต่พวกมัน4คนนั้นไม่มีพิรุจ ว่าจะเป็นขโมยเลยคับเเต่มีอีกคนหนึ่งคับมันไม่อยู่มันเลยเป็นผู้ต้องสงสัย คับดังนันพ่อผมจึงจับพวกมันมาวัดรอยตีนทีละคนคับเพราะว่าข้างบนมันเป็นฝุ่น มันก็เลยมีรอยคับ ทั้ง4คนนั้นรอยไม่ตรงเลยคับมีหนึ่งคนที่ไม่อยู่คับจึงเรียกมันมาวัดคับอย่าง ทีคิดแหละคับมันขาสั่นกลัวคับวัดเสร็งปรากฎว่าตรงเป๊ะคับเบอร์9คับผมจำได้ดี มันอายุเเค่19เองคับพ่อผมเห็นว่ามันเป็นเด็กคับพ่อผมเลยบอกให้มันเอามาคืนซะ จะไม่เอาเรื่องพอซักพักมันก็หายไปคับมันให้เมียมันเอาของมาคืนคับเเต่ไม่ครบ ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาจึงบอกให้มันไปอยู่ที่อื่นอย่ามาให้เห็นหน้าพวกน้าๆๆๆ ว่าคนอย่างมันน่าให้อภัยไหมคับเตือนไว้นะคับเก็บของให้ดีคับอย่าไว้ใจคัย ง่ายยคับเดี๋ยวจะเป็นเหมือนที่บ้านผมคับ

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

เทคนิคการใช้เหยื่อปลอม


การตกปลาในบ้านเรา ส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมใช้เหยื่อปลอมในการตกปลาเท่าใดนัก สาเหตุคงอาจจะเป็นเพราะว่า เหยื่อธรรมชาติค่อนข้างหาง่าย และที่สำคัญคือมีราคาถูกกว่า บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อเสียด้วยซ้ำไป
อีกสาเหตุที่ทำให้เหยื่อปลอมไม่ค่อยเป็นที่นิยม อาจเป็นเพราะว่าเพิ่งจะเริ่มมีเข้ามาวางขายกันมากขึ้นก็ในช่วงไม่กี่ปีที่ ผ่านมานี้เอง อีกทั้งราคาของเหยื่อปลอมแต่ละแบบแต่ละชนิดก็ค่อนข้างสูง
และที่สำคัญก็คือเพื่อน ๆ นักตกปลาส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าจะเลือกซื้อหรือเลือกใช้อย่างไร หรือประเภทใดใช้ตกกับปลาชนิดไหนในสภาพใด เป็นต้น
เพียงเหตุผลแค่นี้ เพื่อน ๆ นักตกปลาหลายต่อหลายคนที่หมายมั่นปั้นมือจะเลือกซื้อเหยื่อปลอมมาลองใช้ซัก ตัวหนึ่งก็ต้องกลับมานอนคิดอีก 3 ตลบ ผลสรุปก็คือ "อย่าลองเลย ดีไม่ดีจะเสียเงินเปล่า"
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ตกปลามาเป็นเวลานานแล้วและนิยมตกปลาด้วยการ ทรอลลิ่ง (Trolling) คงจะรู้จักเหยื่อปลอมจำพวก ปลั๊ก (Plug) หรือหัวเจ็ท (Jet) กันดี
เพื่อน ๆ ที่นิยมตกปลาตามอ่างเก็บน้ำและตามเขื่อนก็คงจะต้องรู้จักเหยื่อปลอมพวกสปูน (Spoon) หรือสปินเนอร์ (Spinner) เป็นอย่างดี ที่เห็น ๆ กันอยู่ก็คงมีเพียงเท่านี้ ส่วนเหยื่อปลอมชนิดอื่น ๆ นั้น ยังไม่ค่อยเป็นที่สนใจของเพื่อน ๆ นักตกปลาสักเท่าไร
ในที่นี้ ผู้เขียนขอกล่าวถึงเหยื่อปลอมที่มีลักษณะคล้ายกับปลาตามธรรมชาติซึ่งมีอยู่ หลากหลาย ทั้งรูปแบบและชนิดของการเลือกใช้งานให้เหมาะสมตลอดจนการใช้งานที่ถูกต้อง หรือจะเรียกให้เข้าใจแบบง่าย ๆ ว่า 'วิธีการใช้เหยื่อปลอมที่ได้ผล และเงื่อนไขในการใช้เหยื่อปลอม'
เหยื่อปลอมมีอยู่ด้วยกันในปัจจุบันหลายยี่ห้อและแบบ แต่ที่จะกล่าวถึงนี้เป็นการใช้เหยื่อปลอมประเภทที่มีรูปร่างคล้ายปลาเป็นหลัก
คงไม่ต้องกล่าวว่าเป็นเหยื่อยี่ห้อซึ่งดังที่สุด เพราะเพื่อน ๆ ที่เป็นนักตกปลาต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี เมื่อคิดว่าจะใช้เหยื่อชนิดนี้สำหรับการตกปลาหลาย ๆ พันธุ์ ก็อาจจำเป็นต้องทราบเทคนิคต่าง ๆ ที่จะกล่าวต่อจากนี้ไปเพื่อนำไปทดลองใช้ มากกว่าการที่จะเหวี่ยงเบ็ดออกไปแล้วคอยหมุนรอกกลับมาเท่านั้น
1. การเลียนแบบปลาเล็กที่บาดเจ็บหรือกำลังจะตาย (Dying Minnow)
ไม่มีอะไรที่จะล่อใจปลานักล่าเหยื่อขี้ระแวงให้ตรงเข้าจู่โจมเหยื่อทันทีมาก ไปกว่าเห็นปลาตัวเล็ก ๆ ที่บาดเจ็บหรือกำลังใกล้จะตายได้ ไม่มีปลานักล่าชนิดใดที่จะมองข้ามเหยื่อที่มันสามารถตะครุบได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่ามันจะอิ่มจนอยากจะนอนเสียด้วยซ้ำ
เหยื่อปลอมที่มีลักษณะดังกล่าวนี้ที่เพื่อนนักตกปลารู้จักกันเป็นอย่างดี เห็นจะหนีไม่พ้นยี่ห้อ RAPALA โดยเฉพาะชนิดลอยน้ำ Original Floating และชนิดที่ค่อย ๆ จมช้า ๆ Countdown เหยื่อทั้งสองชนิดนี้จัดเป็นเหยื่อขนาดเล็กซึ่งมีคุณสมบัติตามที่ต้องการ และมี Actions ในลักษณะเช่นเดียวกับปลาที่กำลังบาดเจ็บหรือกำลังจะตาย
การหวังผลของเหยื่อประเภทนี้
เหยื่อประเภทนี้จะใช้ล่อปลาในตระกูลปลากระพง, ปลาม้า, ปลาจวด, ปลาช่อน, ปลาชะโด รวมทั้งปลาในตระกูล Catfish เช่น ปลากดชนิดต่าง ๆ อีกทั้งปลานักล่าอื่น ๆ หลายชนิด
วิธีใช้:- สามารถใช้เหยื่อชนิดที่ลอยน้ำติดไว้ที่ปลายสายโดยตรงหรือจะต่อผ่าน Snap ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนให้ง่ายขึ้นก็ได้ ให้ทำการเหวี่ยงเหยื่อไปนอกชายฝั่งที่คิดว่าจะมีปลานักล่าซุ่มรออยู่
สถานที่ที่ซุ่มตัวรอของปลานักล่าส่วนใหญ่มักจะเป็นสถานที่ซึ่งมันสามารถ กำบังตัวได้ดีจากปลาเหยื่อ เช่น พงหญ้าใต้น้ำ ใต้ใบบัว ก้อนหิน ซอกหิน ต้นไม้ที่ลอยน้ำ ซากไม้ล้ม กลุ่มตอไม้ใต้น้ำ ตามตอหม้อสะพาน บริเวณริมตลิ่งที่น้ำเซาะเว้าลึกเข้าไปและบริเวณที่มืด ๆ
เมื่อได้ที่หมายดังกล่าวหรือตำแหน่งที่ท่านคิดว่าน่าจะมีปลานักล่าซุ่มตัวรอ อยู่แล้ว ก็จัดการปล่อยเหยื่อปลอมให้มันทำหน้าที่ของมัน ด้วยการตีเหยื่อให้ลงตรงจุดดังกล่าวหรือให้เข้าใกล้เป้าหมายให้มากที่สุด และใช้วิธีกระตุกปลายคันเบ็ดสักนิดให้เป็นจังหวะ ๆ ท่านจะเห็นว่าเหยื่อปลอมดังกล่าวเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเหมือนกับปลาที่ตาย แล้วทั่ว ๆ ไป ปล่อยให้เหยื่ออยู่เช่นนั้นสักครู่ หากไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร ก็เริ่มตีเหยื่อเข้าไปใหม่ในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียงที่คิดว่า น่าจะมีตัว ทำเช่นนี้ประมาณ 5 - 6 ครั้ง หากว่ายังไม่มีผลใด ๆ ก็ให้ลองเปลี่ยนสถานที่แห่งใหม่
การที่เรากระตุกปลายคันจะส่งผลไปยังตัวเหยื่อปลอมให้มีการเคลื่อนไหวและมี ลักษณะเหมือนปลาที่กำลังจะตาย ให้กระตุกปลายคันเบ็ดโดยออกแรงให้มากพอที่จะทำให้เหยื่อซึ่งอยู่ใต้ผิวน้ำ สั่นเร็ว ๆ หลาย ๆ ครั้ง และปล่อยสายเบ็ดออกไปให้ยาวพอที่ทำให้เหยื่อกลับลอยขึ้นสู่ผิวน้ำได้ด้วย
การกระตุกปลายคันเบ็ดนั้น จะทำให้เหยื่อเคลื่อนตัวไปข้างหน้าในอาการที่เหมือนปลากำลังจะตายก็จริงอยู่ แต่ไม่ได้ทำให้มันลอยตัวขึ้นมาด้วย ต้องปล่อยให้เหยื่ออยู่อย่างนั้นประมาณ 10 วินาที
ระหว่างที่ท่านกระตุกปลายคัน ปลานักล่าซึ่งซุ่มตัวดูอยู่อาจให้ความสนใจเหยื่อแต่ยังไม่เข้าเล่นงานเหยื่อ เพราะเหตุผลที่กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า ปลานักล่าส่วนใหญ่มักจะขี้ระแวง
ระหว่างที่ท่านกรอสายลากเหยื่อกลับมา ขอให้ท่านสังเกตด้วยว่ามีปลานักล่าว่ายติดตามเหยื่อของท่านมาหรือเปล่า
หากว่ามี คราวนี้จึงลงมือให้เต็มที่โดยการเลียนแบบปลาที่ยังพอมีกำลังอยู่และกระเสือกกระสนเพื่อจะหนีออกไปจากบริเวณอันตราย
ปล่อยสายเบ็ดออกมาให้ยาว ๆ หันปลายคันชี้ไปที่ตัวเหยื่อและสะบัดปลายคันเบ็ดขึ้นลงเป็นจังหวะยาว ๆ ด้วยวิธีนี้จะทำให้เหยื่อดำดิ่งลงไปอย่างเร็วและมีอาการสั่นมาก ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวนี้จะทำให้เกิดเสียงขึ้นมาด้วย โดยเสียงจะเกิดจากการกระทบกันโดยเร็วระหว่างตัวเบ็ดกับห่วงที่เป็นโลหะ ทำให้เกิดคลื่นเสียงสะท้อนในน้ำซึ่งมีผลต่อการได้ยินเสียงของปลา
หลังจากที่สะบัดปลายคันเบ็ดไปมาแต่ละครั้งแล้ว ก็ปล่อยให้เหยื่อค่อย ๆ ลอยกลับขึ้นสู่ผิวน้ำ และปล่อยให้ลอยอยู่อย่างนั้นประมาณว่าสัก 10 วินาที หากยังไม่ได้ตัวก็ให้เริ่มทำซ้ำตั้งแต่เริ่มต้นอีกสัก 5 - 6 ครั้ง แล้วเปลี่ยนเป็นที่อื่นบ้าง
หลักการต่าง ๆ ก็คือ ปลาเล็ก ๆ ที่ตายแล้วจะอยู่ทั้งบนผิวน้ำ - จมน้ำ หรืออยู่กลางน้ำเพราะเหตุที่ว่าปลาใหญ่จะไล่กินปลาเล็กโดยมันอ้าปากว่ายพุ่ง เข้าไปในฝูง พยายามทำร้ายปลาในฝูงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หลังจากนั้นมันจึงจะหวนกลับมาตามกินปลาเล็กซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ลอยอยู่
ดังนี้ เทคนิคที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงเป็นการเลียนแบบพฤติกรรมการเข้ากินเหยื่อของปลานักล่าเป็นหลัก
ยังมีพฤติกรรมอีกชนิดหนึ่งที่ใกล้เคียงกับการใช้เหยื่อชนิด Original Floating แต่วิธีนี้เราจะใช้เหยื่อที่ชื่อว่า Countdown เหยื่อชนิดนี้จะค่อยจมลงอย่างช้า ๆ การลอยตัวของเหยื่อชนิดนี้จะค่อยจมลงอย่างช้า ๆ การลอยตัวของเหยื่อจะอยู่ในระดับกลาง ๆ เมื่อท่านเหวี่ยงเหยื่อชนิดนี้ออกไป มันจะค่อย ๆ จมลงไปในระดับความลึกระดับหนึ่งซึ่งเหมาะสมกับปลานักล่าบางชนิดที่ชอบกิน เหยื่อในสภาพเช่นเดียวกับปลาเล็กบาดเจ็บหรือใกล้จะตายแต่จะอยู่ในลักษณะกึ่ง ลอยกึ่งจม
วิธีใช้เหยื่อปลอมชนิดนี้ เพื่อน ๆ อาจจะต้องศึกษาวิธีการกินเหยื่อของปลานักล่าที่ต้องการตัวเสียก่อนว่า มีพฤติกรรมการกินเหยื่อในระดับความลึกเท่าใด
โดยทั่วไปเหยื่อ Countdown จะจมลงไปใต้ผิวน้ำในอัตราความเร็ว 1 ฟุต ในระยะเวลา 2 วินาที ให้เพื่อนลองตีเหยื่อไปยังตำแหน่งที่หวังผล ประมาณว่าให้เหยื่อจมลงอยู่ในตำแหน่งประมาณ 1 ฟุต เหนือขึ้นมาจากพื้นแล้วจึงค่อย ๆ กรอสายเบ็ดลากเหยื่อกลับมาโดยให้ปลายคันเบ็ดสะบัดช่วงสั้น ๆ เพื่อทำให้เหยื่ออยุ่ในลักษณะที่พุ่งตัวกระตุกไปข้างหน้าอย่างเต็มที่เหมือน กับปลาที่ได้รับบาดเจ็บและกำลังดิ้นรนเพื่อหนี หากยังไม่ได้ผลก็ขอให้ลองเปลี่ยนเป็นบริเวณที่มีระดับน้ำลึกแตกต่างกันออกไป
2. การเลียนแบบปลาที่ตกใจและวิ่งหนีก่อให้เกิดการสั่นสะเทือน (Jolting)
ในกรณีที่ผิวน้ำเป็นระลอกคลื่นมากเกินไป น้ำมีสีขุ่น การสั่นสะเทือนของเหยื่อเป็นวิธีที่จะล่อปลานักล่าให้ออกมาหาเหยื่อได้ การสั่นสะเทือนของเหยื่อปลอมจะทำให้เกิดเสียงสะท้อนใต้น้ำให้ได้ยินไปถึง ประสาทสัมผัสของปลานักล่าได้อย่างมากมีระยะไม่เกิน 75 ฟุต
เหยื่อปลอมชนิดที่ทำให้เกิดอาการสั่นสะเทือนในที่นี้ก็คือ Original, Jointed Rapala
เหวี่ยงเหยื่อดังกล่าวลงไปในบริเวณซึ่งเป็นที่กำบังของปลานักล่าหรือในที่ ที่คิดว่ามีปลานักล่าซ่อนตัวอยู่ ค่อย ๆ กระตุกปลายคันเบ็ดในขณะที่กรอสายเบ็ดกลับมาอย่างรวดเร็ว เหยื่อชนิดนี้จะดำดิ่งจากแรงฉุดลากด้วยความเร็ว ตัวกำเนิดเสียงในตัวเหยื่อจะมีแรงกระทบกระแทกในขณะที่อยู่ใต้น้ำจนปลานักล่า ที่อยู่ในรัศมีใกล้เคียงก็จะรับรู้ถึงการสั่นสะเทือนหรือแม้จะอยู่ในระยะไกล ๆ ก็สามารถได้ยินได้
หลาย ๆ ครั้ง ปลานักล่าจะว่ายน้ำเข้ามาดูเหยื่อใกล้ ๆ เมื่อได้ยินเสียงหรือประสาทสัมผัสของมันรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเหยื่อที่มันต้องการก่อนที่มันจะลงมืองับเหยื่อ
วิธีนี้ใช้ได้ดีกับปลานักล่าที่หาอาหารโดยการใช้ประสาทรับความรู้สึกมากกว่า การใช้สายตา ฉะนั้นเพื่อน ๆ ที่จะใช้วิธีนี้ต้องหมั่นทำให้เหยื่อเคลื่อนไหวอยู่เสมอและมีอาการกระทบ กระแทกกับน้ำอยู่เรื่อย ๆ
3. การเลียนแบบปลาที่มีสีสันน่าสนใจและบาดเจ็บ (Fat Rapping)
วิธี Fat Rapping ใช้ในการล่าปลาที่เคลื่อนที่ไปมาอย่างรวดเร็วอยู่ตามชายฝั่ง เช่น ตามพงหญ้า กอบัว พืชลอยน้ำชนิดต่าง ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวของเหล่าปลานักล่า
เหยื่อที่ใช้ในการนี้อาจแบ่งแยกได้เป็น 3 ชนิด คือ
3.1 เหยื่อชนิดดำตื้น
ส่วนมากแล้วมักจะใช้ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เพราะเหยื่อชนิดนี้จะ เพราะเหยื่อชนิดนี้จะมีสีสันกระจ่างเป็นมันวาว ลองทดสอบดูก่อนว่าบริเวณดังกล่าวที่จะหย่อนเหยื่อมีที่กำบังใต้น้ำชายฝั่ง หรือไม่
จากนั้นทำการหย่อนเหยื่อลงไปในทุก ๆ ซอก และทุก ๆ ช่อง ที่คิดว่าอาจจะมีปลานักล่าซ่อนตัวอยู่ ต่อจากนั้นก็กู้สายเบ็ดขึ้นจะด้วยวิธีการใดก็ตาม เช่น สาวสายที่มีเหยื่อ Shallow Runner Fat Rap กลับมาหาตัวอย่างรวดเร็ว การกระทำอย่างรวดเร็วเช่นนี้สามารถก่อให้เกิดแสงวาบขึ้นมาทำให้ปลาสนใจ หากว่าพื้นน้ำอยู่ในสภาพเรียบสงบก็จงปล่อยให้เหยื่อลอยอยู่อย่างน้อย 2 - 3 วินาที จึงค่อยกรอสายเบ็ดเข้ามา
3.2 เหยื่อชนิดดำลึก
ส่วนมาแล้วจะใช้เหยื่อชนิดนี้ในเวลาที่พระอาทิตย์เริ่มขึ้นสูงจากขอบฟ้า เพราะเหยื่อชนิดนี้จะมีสีสันที่ออกจะทึบ เมื่ออยู่ในน้ำจะดูเป็นเงาดำ เหยื่อ Deep Runner Fat Rap จะมีตัวถ่วงในตัวเหยื่อเอง และเหยื่อจะจมลงไปอย่างรวดเร็วได้ 10 - 12 ฟุต
วิธีใช้ก็ควรจะลากเหยื่อให้ช้าลงกว่าแบบแรกโดยการกระตุกสายที่ปลายคันเบ็ด เรื่อย ๆ และพยายามปล่อยสายให้ยาวพอที่เหยื่อจะจมอยู่ในระดับใต้พื้นน้ำ
3.3 เหยื่อชนิดที่มีขนาดจิ๋ว
เหยื่อชนิดนี้ส่วนใหญ่จะมีสีสันลวดลายที่แพรวพราวหรือเรียกอีกอย่างว่าสีสัน ที่ฉูดฉาดเกินความเป็นจริง แต่ที่สำคัญคือมีขนาดที่เล็กจึงเหมาะสมที่จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็ก สายเบ็ดเล็ก
เป็นเหยื่อที่นักตกปลาส่วนใหญ่จะมีไว้สำรองในกรณีที่เหยื่อที่กล่าวข้างต้น ทั้งสองชนิดใช้ไม่ได้ผล อาจเป็นเพราะว่าปลานักล่ามีขนาดเล็กและเหยื่อที่ใช้มีขนาดใหญ่โตจนดูน่ากลัว มากกว่าน่ากิน เหยื่อชนิดนี้จึงเหมาะสมและมีผลเต็มที่เพราะมันมีลักษณะรูปร่างคล้ายคลึงกับ ที่ปลาส่วนมากมักใช้เป็นอาหาร เหยื่อชนิดนี้รู้จักกันในชื่อ Mini Fat Rap
ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นตัวอย่างการใช้งานของเหยื่อปลาปลอมในเงื่อนไขต่าง ๆ กัน ส่วนองค์ประกอบในการนำไปใช้งานจริง ๆ นั้น เมื่อเพื่อน ๆ นักตกปลาแต่ละคนได้นำไปใช้แล้วอาจจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปบ้าง
ทั้งนี้และทั้งนั้น การใช้เหยื่อปลอมในบ้านเรายังไม่ค่อยแพร่หลายกันมากมายเช่นกับในต่างประเทศ จำเป็นที่จะต้องให้เพื่อน ๆ นักตกปลาทุกคนนำไปทดลองและทดสอบด้วยตนเอง และคาดหวังว่าเพื่อน ๆ คงจะประสบผลสำเร็จและหันมาใช้เหยื่อปลอมกันมากขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็ได้ชะลอการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้หมดช้าลงไป ทั้งนี้ก็เพราะว่า เหยื่อปลอมนั้น สามารถที่จะนำกลับมาใช้ได้อีกไม่มีขีดจำกัด
ดังนั้นหากเพื่อน ๆ นำไปใช้แล้วได้ผลเป็นประการใดหรือมีการทดสอบเหยื่อปลอมประเภทใหม่ ๆ ช่วยบอกต่อ ๆ กันมาด้วย
ข้อมูลจาก OUTDOOR LIFE MAGAZINE และ SPORTS AFIELD MAGAZINE แปลโดย จิระยุทธ อำนวยผล ถ่ายทอดโดย MrSHARK

แข่งขันตกปลา สวาย ที่ บ่อตาขัน

รางวัล 50,000B แข่งขันตกปลา สวาย ที่ บ่อตาขัน .


รางวัล 50,000B แข่งขันตกปลา สวาย ที่ บ่อตาขัน ไปทาง อ.บ้านค่าย จ.ระยอง อาทิตย์ วันที่ 31 ม.ค. 2010 ค่าสมัคร 1500B

างวัล 50,000B แข่งขันตกปลา สวาย ที่ บ่อตาขัน ไปทาง อ.บ้านค่าย จ.ระยอง อาทิตย์ วันที่ 31 ม.ค. 2010 ค่าสมัคร 1500B

( 11:00 - 17:00 )

รางวัล

1。 50,000บาท พร้อม ถ้วย
2. 15,000
3. 10,000
4. 5,000
5 5,000
6. 5,000
7. 5,000
8. 5,000
9. 5,000
10. 5,000

รางวัล ปลาใหญ่ รางวัลปลาเล็ก หลายๆ รางวัล

จอง การแข่ง และสอบถามได้ที่ โทร 081-7772494 (k. Dek )

=================================================================